“ศรีสุวรรณ” จ่อร้อง ป.ป.ช.สอบเหล็กไหล-พระเครื่องดัง ส.ส.ส่อยื่นแสดงทรัพย์สินสร้างมูลค่าอำพรางเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่

วันที่ 22 กันยายน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการแสดงรายการทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดย นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคพลังไทยรักไทย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ แจ้งรายการทรัพย์สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าเป็นโคตรมหาเหล็กไหลมีมูลค่ากว่า 700 ล้าน มหาเหล็กไหล มูลค่า 300 ล้านบาท อุกกาบาต 10 ล้านบาท พระเครื่องต่าง ๆ อาทิ พระกริ่งปวเรศทองคำ 50 ล้านบาท พระสมเด็จวัดระฆัง 40 ล้านบาท พระสมเด็จไกเซอร์ 30 ล้านบาท ฯลฯ จนเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลนั้น

“เรื่องนี้เป็นที่สงสัยและวิพากษ์วิจารณ์กันของสังคมไทยเป็นอย่างมากว่า มูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นการสร้างมูลค่าลวงขึ้นมาหรือไม่ มีหน่วยงานหรือองค์กรมาตรฐานใดให้ใบรับรองหรือไม่ หรืออาจเป็นเล่ห์เหลี่ยมของนักการเมืองที่อาจใช้เป็นข้ออ้างในการฟอกเงิน เพื่อผ่องถ่ายทรัพย์สินดังกล่าวไปเป็นเงินสดในอนาคต หากมีเงินสดหรือทรัพย์สินอื่นงอกเงยขึ้นมาเกินกว่ารายรับที่พึงมีในขณะดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็จะใช้เป็นข้ออ้างได้ว่าได้จำหน่ายพระเครื่องหรือวัตถุมงคลดังกล่าวออกไปในราคาแพงตามที่ตั้งมูลค่าไว้ นอกจากนั้นยังมีข้อสงสัยว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ที่ครอบครองพระเครื่องราคาสูงและมีการแจ้งมูลค่าทรัพย์สิน ใช้มาตรฐานใดเป็นตัวชี้วัดเรื่องราคา มีใบเสร็จจากการซื้อขาย มีใบรับรองจากเซียนพระหรือไม่ หากซื้อขายในราคาสูงมีการเสียภาษีหรือไม่ ที่สำคัญพระราคาแพงรุ่นเดียวกันที่ครอบครองโดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. กับพระเครื่องที่นักการเมืองยื่นแสดงทรัพย์สินมีราคาเท่ากันหรือใกล้เคียงกันหรือไม่อย่างไร หากไม่มีข้อยุติในอนาคตอาจต้องเชิญเซียนพระชื่อดังมาร่วมเป็นกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อวินิจฉัยคุณภาพและราคา“ นายศรีสุวรรณ กล่าว

เลขาธิการสมาคมฯ กล่าวอีกว่า ป.ป.ช.จะต้องมีระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการตรวจสอบมูลค่าของทรัพย์สินดังกล่าวของนักการเมือง เพื่อปิดช่องโหว่ของการเลี่ยงบาลีในการแสดงบัญชีทรัพย์สิน หากนักการเมืองไม่สามารถแสดงหลักฐานใบรับรองมูลค่าของทรัพย์สินต่างๆได้ ก็สามารถชี้ได้ว่าเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือ ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ เพื่อเลี่ยงความจริงที่พึงต้องแจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบ เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 109 วรรคสาม ประกอบมาตรา 114 ของ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ซึ่งอาจมีโทษตามมาตรา 167 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับและสมาคมฯจึงไปร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ ดําเนินการตามมาตรา 114 โดยการเสนอเรื่องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองเพื่อวินิจฉัย หรือ ป.ป.ช.ดำเนินการยื่นฟ้องเองตามมาตรา 80 ในวันที่ 23 กันยายนนี้ เวลา 13.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ นนทบุรี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image