ชาวไร่อ้อยช้ำหนักโดน 2 เด้ง ราคาตลาดโลกต่ำ – บาทแข็งมูลค่าวูบหมื่นล้าน

ชาวไร่อ้อยช้ำหนักโดน 2 เด้ง ราคาตลาดโลกต่ำ – บาทแข็งมูลค่าวูบหมื่นล้าน โอดราคาอ้อย ปี62/63 เหลือไม่ถึง 800 บาทต่อตัน รัฐมึนควานหาเงินโปะ

นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2562/63 ที่ความหวาน 10 ซี.ซี.เอส. ว่า คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 690 บาทต่อตัน เนื่องจากได้รับผลกระทบ 2 กรณีจากระดับราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกที่นำมาคำนวณราคาเฉลี่ยเพียง 12.50 เซนต์ต่อปอนด์ จากฤดูผลิตปีก่อนราคาเฉลี่ยที่ 13.50 เซนต์ต่อปอนด์ เพราะได้รับผลกระทบจากปริมาณอ้อยที่มีสูง ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไทยแข็งค่ามากขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 30-30.50 บาทต่อดออล์สหรัฐ เทียบกับฤดูที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 32 บาทต่อดอลล่าสหรัฐ ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยมีผลกระทบให้มูลค่าอ้อยหายไปประมาณหมื่นล้านบาท

“เฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าจากเดิม2บาทมีผลกระทบประมาณมูลค่าอ้อยหายไป 6,000 ล้านบาท ส่วนราคาตลาดโลกที่ลดลงมีผลกระทบประมาณ 4,000 ล้านบาท หากมองตามนี้ราคาอ้อยขั้นต้นเฉลี่ยทั้งประเทศจะอยู่ประมาณ 700 กว่าบาทต่อตัน หากรัฐช่วยปัจจัยการผลิตเพิ่มอีก50บาทต่อตันรายละไม่เกิน5,000ตันเช่นฤดูผลิตที่ผ่านมา จะทำให้ได้รับค่าอ้อยไม่เกิน 800 บาทต่อตัน เทียบจากฤดูการผลิต 61/62 ราคาอ้อย 880 – 900 บาทต่อตัน ส่วนจะหามาตรการเพิ่มเติมมาดูแลหรือไม่อย่างไรคงต้องรอระดับนโยบายอีกครั้ง”นางวรวรรณกล่าว

นางวรวรรณกล่าวว่า สำหรับราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกส่งมอบมีนาคม 2563 ยังคงทรงตัวระดับต่ำเฉลี่ย11เซ็นต์ต่อปอนด์ ซึ่งทิศทางน้ำตาลตลาดโลกยังคงมีกำลังการผลิตเกินความต้องการอยู่ที่ประมาณ6ล้านตัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการผลิตอ้อยในส่วนของไทยในฤดูการผลิตปี 2562/63 ที่จะเปิดหีบช่วงปลายปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตอ้อยประมาณ119ล้านตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ผลผลิตอ้อยอยู่ที่131ล้านตัน

Advertisement

รายงานข่าวจากวงการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า จากภาวะราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกตกต่ำและค่าบาทที่แข็งค่าส่งผลให้โรงงานน้ำตาลทรายยังไม่สามารถส่งออกได้มากนัก จึงต้องเร่งหาโกดังเพิ่มเติมเพื่อรับกับผลผลิตที่กำลังจะออกมาใหม่ ซึ่งจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำหวาน เป็น3บาทต่อลิตรมีผล 1 ตุลาคมนั้น อาจมีผลต่อการเติบโตการบริโภคน้ำตาลในประเทศลดลงแต่จะมากน้อยเพียงใดคงต้องติดตามระยะยาว

“ถ้ารัฐอ้างเก็บเพื่อเพิ่มรายได้ให้ประเทศก็เข้าใจได้ แต่หากเหตุผลเพื่อสุขภาพประชาชนนั้นไม่เห็นด้วย เพราะการที่ลดน้ำตาลแล้วใช้สารทดแทนน้ำตาลนั่นก็สารเคมี และหากจะเก็บต้องเก็บค่าความหวานของน้ำตาลในทุกผลิตภัณฑ์เพื่อให้เท่าเทียมกัน”รายงานข่าวระบุ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image