พรุ่งนี้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ได้อีก 1 ล้าน คลังให้ลงทะเบียนจนกว่าครบเป้า แนะจัดแสงก่อนถ่ายรูปยืนยันตัวตน

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การลงทะเบียนชิมช้อปใช้ดำเนินการมาถึงวันที่ 10 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนครบ 1 ล้านรายทุกวัน แต่พบว่าผู้ที่ลงทะเบียนไม่สมบูรณ์และไม่ผ่านประมาณ 2 แสนรายต่อวัน ดังนั้นเปิดให้ลงทะเบียนต่อเนื่องไปจนกว่าจะครบ 10 ล้านรมย โดยในวันที่ 3 ตุลาคม 2562 เปิดให้ลงทะเบียนอีกตามกำหนด 1 ล้านราย

นายลวรณ กล่าวว่า  พบว่าลงทะเบียนใน 7 วัน จำนวน 7 ล้านคน ผ่านเกณฑ์ 5.5 ล้านราย  ได้รับSMSยืนยันสิทธิ์ไปแล้ว 4.7 ล้านราย เหลือ 8 แสนรายส่งSMSในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ โดยพบว่าผู้ได้รับSMS ติดตั้งแอปพลิเคชั่นเป๋าตังสำเร็จแล้ว 2.7 ล้านราย อยู่ระหว่างกระบวนการติดตั้ง 1.1 ล้านราย และยังไม่ติดตั้งอีก 8.2 แสนราย

นายลวรณกล่าวต่อว่า ในการใช้จ่าย 5 วันแรกมีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 7 แสนราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 628 ล้านบาท  ซึ่งเป็นการใช้จ่าย g-Wallet ช่อง 1 ประมาณ 621 ล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้านช้อป ซึ่งเป็นร้านในกลุ่ม OTOP ร้านวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐกว่า 50% หรือประมาณ 330 ล้านบาท ส่วนร้านชิมหรือร้านอาหารและเครื่องดื่ม มียอดใช้จ่ายประมาณ 98 ล้านบาท ร้านใช้ เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ เป็นต้น มียอดใช้จ่ายประมาณ 10 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป มียอดใช้จ่ายประมาณ 183 ล้านบาท

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า มีการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขาประมาณ 142 ล้านบาท หรือเพียง 22% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด สำหรับการใช้จ่าย g-Wallet ช่อง 2 มีผู้ใช้สิทธิ์แล้วจำนวน 2,962 ราย มียอดใช้จ่ายประมาณ 7.5 ล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละประมาณ 2,532 บาท โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน ช้อป ประมาณ 5 ล้านบาท ส่วนร้านชิม และร้าน ใช้ มียอดใช้จ่ายใกล้เคียงกันที่ประมาณ 1 ล้านบาท

Advertisement

นายลวรณกล่าวต่อว่า  เมื่อพิจารณาจากจังหวัดที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด พบว่า 10 อันดับแรก ได้แก่ 1. กรุงเทพฯ ประมาณ  87 ล้านบาท 2. ชลบุรี ประมาณ 48 ล้านบาท 3.สมุทรปราการ ประมาณ 29 ล้านบาท 4. ระยอง ประมาณ 20 ล้านบาท 5. ปทุมธานี ประมาณ 20 ล้านบาท 6. พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 19 ล้านบาท 7. ลำพูน ประมาณ 18 ล้านบาท  8.เชียงใหม่ ประมาณ 17 ล้านบาท 9. นครปฐม ประมาณ 17 ล้านบาท และ 10. นนทบุรี ประมาณ 15 ล้านบาท  พบว่ากลุ่มที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด คือ ช่วงอายุ 22-30 ปี ประมาณ 35% รองลงมาคือช่วงอายุ 31-40 ปี ประมาณ 30%

นายลวรณกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบปัญหาในการยืนยันตัวตน พบว่า ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับแสงที่อาจสว่างเกินไปหรือผิดตำแหน่งในขณะถ่ายภาพ รวมทั้งการถ่ายโดยใช้แอปพลิเคชันตกแต่งภาพ ที่ทำให้ภาพไม่เหมือนจริง ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทยฯ ได้มีการติดตามเพื่อให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ วันละกว่า 5,000 ราย และมีผู้ไปยืนยันตัวตนผ่านธนาคารแล้วกว่า 2 แสนราย ซึ่งขณะนี้ ธนาคารกรุงไทยฯ อยู่ระหว่าง การปรับปรุงระบบการยืนยันตัวตนให้รวดเร็วขึ้น โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 วัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image