ตลท.เผยผลสำรวจ “ซีอีโอ เซอร์เวย์” ผู้บริหารคิดหนักก่อนลงทุน

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหาร (ซีอีโอ เซอร์เวย์) จำนวน 118 บริษัท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 46% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด โดยพบว่า ผู้บริหารได้เพิ่มความระมัดระวังในการขยายการลงทุนมากขึ้น แต่ยังคงหรือเพิ่มแผนการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงยังมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน (เทรดวอร์) และนโยบายการเงินของประเทศมหาอำนาจ ด้านอัตราภาษี ที่ต้องติดตามว่าจะมีการอัดฉีดนโยบายทางการเงิน เข้าระบบมากน้อยเท่าใด ซึ่งประเมินว่าเป็นปัจจัยหลักที่ตลาดให้น้ำหนักมากที่สุด

“ผู้บริหารกว่า 46% มองว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 จะเติบโตได้ที่ 2-3% และอีก 40% มองว่าจะเติบโตได้ที่ 3-4% ซึ่งสอดคล้องกับการปรับประมาณการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของสำนักเศรษฐกิจสำคัญๆ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก ทั้งจากการลงทุนภาครัฐ เสถียรภาพทางการเมือง และการขยายตัวของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ผู้บริหารกว่า 80% ยังคาดว่ารายได้ของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ในปี 2562 ยังคงเติบโตได้ และกว่า 52% คาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตมากกว่า 6% โดยเฉพาะบริษัทในธุรกิจ หรืออุตสาหกรรม หมวดการท่องเที่ยว และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งยังมีแนวโน้มที่ดูดี”นายศรพลกล่าว

นายศรพล กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ในเดือน กันยายน 2562 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดที่ 1,637.22 จุด ลดลง 1.1% จากสิ้นเดือน สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่ยังเพิ่มขึ้น 4.7% จากสิ้นปี 2561 โดยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ 57,417 ล้านบาท ลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน นักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิที่ 11,576 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับทุกตลาดในอาเซียน โดยคาดว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ที่ยังอยู่ในสถานะขายสุทธิ เป็นเพราะนักลงทุนชะลอดูความชัดเจนการเจรจาการค้าของสหรัฐฯและจีน

นายศรพล กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีโอกาสที่ฟันด์โฟลว์จะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย เพราะตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ ในส่วนของหนี้สาธารณะต่ำ เงินเฟ้อต่ำ รวมถึงมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูง ทำให้โอกาสการเกิดวิกฤติทางการเงินมีค่อนข้างน้อย อีกทั้งยังมีโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล อาทิ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และค่าเฉลี่ยของเงินปันผลตอบแทนก็อยู่ในระดับที่ดี ประมาณ 3% นอกจากนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ยังพบว่ามูลค่าการระดมทุนในตลาดแรก (ไอพีโอ) ของไทยอยู่ที่ระดับ 22,839 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน สะท้อนให้เห็นถึงประเทศไทยยังมีเศรษฐกิจจริงที่แข็งแกร่ง และเป็นจุดแข็งของประเทศไทยด้วย

Advertisement

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

เพิ่มเพื่อน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image