นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ประเมินทิศทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2562 จากภาพรวมของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ในช่วงที่ผ่านมา มีแนวโน้มผ่อนคลายและอยู่ในทิศทางที่ดีมากขึ้น ทำให้คาดว่าอาจจะเป็นส่วนทำให้การค้าโลกมีเสถียรภาพที่ดีมากขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้ภาพรวมการส่งออกปรับตัวดีขึ้นได้ เพราะถึงแม้ตัวเลขภาคการส่งออกตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ จะยังดูไม่ดีมากนัก แต่ในบางจุดบางตลาดก็ยังทำได้ดีอยู่ รวมถึงราคาน้ำมันดิบก็ยังมีทิศทางที่ดี ซึ่งคาดว่าจะไม่ปรับตัวขึ้นสูงกว่านี้ และมีโอกาสน้อยมากที่จะลดต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถึงแม้จะยังมีเหตุพิพาทระหว่างประเทศผู้ผลิตน้ำมันก็ตาม
“ในส่วนของเศรษฐกิจในประเทศไทยเอง เนื่องจากรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าจะมีส่วนช่วยทำให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าอาจจะดีขึ้นไม่มาก แต่ก็คงจะไม่แย่มากกว่าที่ผ่านมาแล้ว เพราะเชื่อว่ารัฐบาลต้องเตรียมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจ ที่อาจจะชะลอการเติบโตลงมากขึ้น เห็นได้จากมาตรการกระตุ้นต่างๆ ที่ทยอยออกมาในช่วงที่ผ่านมา” นางสาวพิมพ์ชนกกล่าว
นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า สำหรับปัจจัยกระทบภาคการส่งออกหลักอย่างค่าเงินบาท ที่แข็งค่ามาอย่างต่อเนื่องนั้น เชื่อว่าคงจะไม่แข็งไปมากกว่านี้ เพราะหากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน (เทรดวอร์) มีภาพที่ดูดีขึ้น ด้วยการชะลอการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันได้ ก็อาจจะทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ทยอยไหลออกจากตลาดทุนไทย ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสถานะของนักลงทุนจะขายสุทธิในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากมีไหลเข้ามาจำนวนมากในช่วงก่อนหน้า ผ่านการลงทุนในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจประเภทต่างๆ จึงยังหนุนให้เงินบาทแข็งค่าอยู่
