ส.อ.ท.ชี้ปัจจัยนอกกดศก.ถึงปี63 แนะรัฐออกมาตรการถึงชุมชน

ส.อ.ท.ชี้ปัจจัยนอกกดศก.ถึงปี63 แนะรัฐออกมาตรการถึงชุมชน

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ว่า ส.อ.ท.ได้ติดตามปัจจัยภายนอกคือเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัว และปัจจัยภายในคืออัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง คาดว่าจะกระทบโดยตรงต่อการส่งออกไทยทั้งปี 2562 ติดลบระดับ 2-3% จากขณะนี้การส่งออก 8 เดือนแรก(มกราคม-สิงหาคม2562)ของปีนี้ติดลบ 2.2% และประเมินว่าอัตราการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ปีนี้จะอยู่ที่ 2.8% จากที่คาดไว้จะขยายตัว 3% ทั้งนี้กังวลว่าปัญหาเหล่านี้จะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในปี 2563

นายเกรียงไกรกล่าวว่า ปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปของอังกฤษ(เบร็กซิท) ที่อาจกดดันให้เศรษฐกิจโลกซบเซามากขึ้น นอกจากนี้จากความไม่สงบในฮ่องกงที่ไม่มีแนวโน้มจบลงง่ายยังบั่นทอนเศรษฐกิจโลกด้วย นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเคลื่อนไหวระดับ 30.40 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น 6% จากต้นปี และช่วง 5 ปีที่ผ่านมาแข็งค่าสูงถึง 20% ได้บั่นทอนขีดความสามารถการแข่งขันการส่งออกของไทยที่คิดเป็น 70% ของจีดีพี ส่งออกได้เงินลดลง และผลจากปัญหาเงินบาทแข็งค่ายังกระทบการท่องเที่ยวไทยลดลง เพราะค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น

นายเกรียงไกรกล่าวว่า ดังนั้นภาครัฐจำเป็นจะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะนี้ อย่างโครงการชิมช้อปใช้ของรัฐบาล ถือว่าเป็นมาตรการที่ดี กระตุ้นการใช้จ่าย รัฐบาลคาดว่าจะเกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจ 4-5 รอบ แต่ล่าสุดพบว่าโครงการดังกล่าวหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพียง 1-2 รอบ เนื่องจากการซื้อสินค้ากระจุกอยู่ในห้างขนาดใหญ่ ลงชุมชนไม่มาก ดังนั้นหากรัฐบาลจะมีมาตรการเพิ่มเติม หรือมาตรการอื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ อยากให้มองในประเด็นนี้ให้มากขึ้น

Advertisement

“เห็นด้วยอย่างมากที่รัฐบาลจะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบโดยตรง แต่จะเห็นผลมากขึ้นต้องปรับให้มีการหมุนเวียนของเงิน และต้องเข้าถึงชุมชนฐานรากมากขึ้น ส่วนกรณีปัญหาในฮ่องกง ไทยอาจใช้จังหวะนี้ดึงท่องเที่ยวมาไทยมากขึ้น”นายเกรียงไกรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image