นับถอยหลังระทึก 18 พ.ย. อนุญาโตฯตัดสินคดีคิงเกตส์ฟ้องรัฐบาลไทย ร้องค่าเสียหาย4หมื่นล้าน อัครามึนส่งหนังสือขอเจรจาแต่ก.อุตนิ่ง วงในชี้รอท่าทีรัฐบาลเอาด้วยหรือไม่
นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด(มหาชน) ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ฟ้องร้องรัฐบาลไทย หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามม.44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำ จ.พิจิตร จนทำให้ไทยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ว่า วันที่ 18 พฤศจิกายน ไทยจะเข้าสู่กระบวนการเบิกความต่อหน้าคณะอนุญาโตตุลาการ ที่สำนักงานต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลการพิจารณาในขั้นตอนอนุญาโตตุลาการ
นายวิษณุกล่าวว่า ข้อมูลที่ต้องเตรียมไปแก้ต่างกับคณะอนุญาโตตุลาการ จะครอบคลุมรายละเอียดข้อกฎหมายของไทย รายละเอียดขั้นตอนการดำเนินการที่ผ่านมาของไทย หลังจากที่ผ่านมาทั้ง 2 ฝ่ายได้ส่งข้อมูลไปให้คณะอนุญาโตฯ โดยอัครายื่นคำฟ้องและไทยแก้ต่างแล้วตามขั้นตอนครบแล้ว 2 ครั้ง จึงเหลือขั้นตอนสุดท้ายคือ การเข้าสู่กระบวนการเบิกความต่อหน้าคณะอนุญาโตฯ อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ไทยมี 2 ทางเลือก ทางเลือกแรก เสนอที่ประชุมครม.รับทราบว่าไทยจะไปเบิกความข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยและบริษัท คิงส์เกตฯ ต่อหน้าคณะอนุญาโตตุลาการ ที่สำนักงานต่างประเทศ แนวทางที่ 2 หากรัฐบาลพร้อมเจรจากับบริษัท คิงส์เกตฯ ก่อนที่จะเข้าสู่คณะอนุญาโตตุลาการวันที่ 18 พฤศจิกายนเพื่อยุติการฟ้องร้อง จะต้องนำเรื่องไปเสนอที่ประชุมครม.เช่นกันเพื่ออนุมัติให้เจรจา
“ที่ผ่านมารับทราบว่า ทางบริษัท คิงส์เกตฯ พร้อมเจรา แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เลยต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้ง จะมีการเจรจาเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลด้วย”นายวิษณุกล่าว
รายงานข่าวจากบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หลังจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่งสัญญาณพร้อมเจรจากับผู้บริหาร บริษัท อัครา รีซอร์สเซสฯ ทางบริษัทได้ส่งหนังสือเจรจามาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกไม่ตอบ จึงอยากทราบว่า ทางกระทรวงอุตฯ มีความจริงใจ และจริงจังในการเจรจาแค่ไหน ซึ่งขณะนี้พยายามทำทุกอย่างเพื่อติดต่อเข้ามาหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม โดยการจะเจรจาจะมีทั้งประเด็นการชดเชยความเสียหายให้กับเหมืองอัคราตลอดเวลาที่ถูกสั่งปิด และประเด็นการให้ข้อยืนยันว่าหากคิงส์เกตลงทุนในไทยต่อไปต้องไม่ถูกรัฐบาลสั่งปิดโดยไร้ข้อพิสูจน์ตามวิทยาศาสตร์เช่นในปัจจุบัน เพราะเคยถูกปิดมาแล้วถึง 2 ครั้งในปี 2558 ถูกสั่งปิด45วัน และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งหากการเจรจาเป็นที่ยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย เชื่อว่าทางบริษัทพร้อมที่จะยกเลิกการฟ้องร้องได้
รายงานข่าวระบุว่า ประเมินตัวเลขความเสียโอกาสของเหมืองอัคราโดยวัดจากปริมาณสำรองแร่ทอง 8.9 แสนออนซ์ คิดเป็นวงเงินปริมาณ 37,020 ล้านบาท และเงิน 8.3 ล้านออนซ์ คิดเป็นวงเงินประมาณ 3,984 ล้านบาท ซึ่งสามารถผลิตได้ในช่วง 8-10 ปีข้างหน้า รวมมูลค่าทั้งสิ้น 41,004 ล้านบาท แต่ไม่ได้เป็นตัวเลขที่จะมีการฟ้องร้องรัฐบาลแต่อย่างใด เพราะต้องพิจารณากันอีกครั้ง
รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องการเจรจากับผู้บริหารอัคราเช่นกัน แต่ต้องรอสัญญาณจากรัฐบาลก่อนว่าจะให้เดินหน้าต่อไปอย่างไร เพื่อไม่ต้องการให้เข้าสู่กระบวนการเบิกความต่อหน้าคณะอนุญาโตตุลาการที่ฮ่องกง
