กรณี คนร้าย 5 คน พร้อม อาวุธปืน4กระบอกบุกยิงถล่มบ้านเลขที่ 88/4 หมู่ 11 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อหมายสังหารนายวิชัย ยี่สุ่นแซม อายุ 40 ปี เจ้าของบ้านแต่ไม่อยู่บ้าน ทำให้พลาดกระสุนเจาะศีรษะ ดญ.ศศิประภา ยี่สุ่นแซม อายุ 14ปีเสียชีวิตและเฉียดหน้าท้อง ดช.ภัทรพงศ์ บุหงอ อายุ 4ขวบเจ็บเล็กน้อย เมื่อค่ำวันที่ 8พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง5รายแล้ว โดยทางตำรวจนครศรีธรรมราชภายใต้การนำของ พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราชได้สนธิกำลังตำรวจสืบสวนสภ.เมือง,ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช,ตำรวจสืบสวนภาค8และตำรวจกองปราบปราม ระดมตำรวจติดตามไล่ล่าจับกุมคนร้ายมาได้ก่อนหน้านี้3รายคือ นายอนุศักดิ์หรือแปะเท่งหรือเท่ แดงเดช อายุ 27ปี,นายวัชระหรือบังและห์ วรรณมาศ อายุ 26ปี และนายขุนพลหรือเมย์ เงินเลี่ยม อายุ 25ปี และยังหลบหนีอีก2รายคือนายวัฒนา หรือหัวมัน อนันทขาล อายุ 28ปีและนายวิศณุ นาคคง อายุ หรือเถื่อน อายุ 27ปี อยู่ระหว่างการติดตามไล่ล่า ซึ่งสาเหตุมาจากเรื่องที่นายอนุศักดิ์หรือเท่หรือเปะเท่ง แค้นที่ถูกนายวิชัย เจ้าของบ้านเตะหน้าเพราะไปเทน้ำหวานที่นายวิชัยกำลังนั่งกินอยู่ไปให้หมากิน ทำให้นายอนุศักดิ์หรือเท่หรือแปะเท่ง แค้นไปชวนพวกรวม5คนยิงถล่มดังกล่าว
เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 15 พฤศจิกายน พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้สืบทราบว่านายวัฒนาหรือหัวมัน อนันทขาล อายุ 28ปี 1ใน2ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ ยังคงกบดานหลบซ่อนตัวในป่าแห่งหนึ่งภายในหมู่บ้าน หมู่ 8 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีจะมีพรรคพวกสมุนและญาติๆคอยส่งข้าวส่งน้ำให้ตลอดเวลา จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.โชคดี ศรีเมือง ผกก.กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช นำกำลังตำรวจ นปพ.จำนวนหนึ่ง ร่วมกับตำรวจสืบสวนสภ.เมืองและตำรวจสืบสวนภาค8 ตำรวจกองปราบปราม นำกำลังไปปิดล้อมบริเวณป่าละเมาะดังกล่าวอยู่นานเกือบ1ชม.โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อให้ญาติเข้าไปเจรจาให้นายวัฒนาหรือหัวมันเข้ามอบตัวกับจนท.จะดีกว่า ในที่สุดนายวัฒนาหรือหัวมัน ยอมมอบตัวและยอมมอบอาวุธปืนพกสั้นขนาด9มม.จำนวน1กระบอกพร้อมกระสุน9มม.จำนวน16นัดให้ญาติถือออกมาก่อนแล้วนายวัฒนาหรือหัวมัน เดินออกจากป่าละเมาะเข้ามอบตัวกับตำรวจ ก่อนคุมตัวไปให้ พล.ต.ต.สนธิชัย ผบก.ภ.นครศรีธรรมราชสอบสวนปากคำในเบื้องต้นก่อน
ต่อมาเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมชั้น2 บก.ภ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8 ได้เดินทางมาสอบสวนปากคำผู้ต้องหาและแถลงข่า โดยนายวัฒนาหรือหัวมัน ยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า คืนเกิดเหตุตนและพวกรวม4คนได้นั่งเสพยาเสพติดชนิดซอแลมในหมู่บ้านจนเมามาย และมีนายอนุศักดิ์หรือเท่หรือแป๊ะเท่ง มาชวนให้ตนไปบ้านพักของนายวิชัย ยี่สุ่นแซม เพื่อคุยเจรจาตกลงกันหลังเกิดเหตุการณ์นายวิชัยกระโดดเตะหน้านายอนุศักดิ์หรือเท่ ในเย็นวันเกิดเหตุ โดยพวกตนทั้ง4ได้พากันนั่งรถยนต์เก๋งสี่ขาวยี่ห้อโตโยต้ายาริสไปที่บ้านนายวิชัย โดยมีนายวัชระหรือบังและห์ ขี่รถจยย.นำทางไปชี้เป้าบ้านของนายวิชัย โดยพาอาวุธปืนไปจำนวน4กระบอก มาอาวุธปืนลูกซองยาว1กระบอก อาวุธปืนสั้น9มม.จำนวน3กระบอกเพื่อจะไปยิงบ้านของนายวิชัยเพื่อข่มขู่เท่านั้นและต้องการให้นายวิชัยขอโทษนายอนุศักดิ์หรือเท่ และให้นายอนุศักดิ์หรือเท่ เตะหน้านายวิชัยกลับคืนเพื่อล้างแค้นเท่านั้น
ปรากฏว่าเมื่อตนและพวกไปถึงบ้านนายวิชัย ตระโกนเรียกนายวิชัยไม่มีใครเปิดประตูออกมาทำให้พวกตนโมโห ใช้อาวุธปืนทั้ง4กระบอกยิงถล่มใส่บ้านพักของนายวิชัยไม่จำนวนหลายสิบนัดจนพรุนเพื่อต้องการข่มขู่เท่านั้น
นายวัฒนาหรือหัวมัน กล่าวว่าแต่ไม่นึกว่าการยิงถล่มบ้านของนายวิชัยในคืนนั้นจะพลาดไปถูก ดญ.วัย14ปีเสียชีวิตและดช.วัย4ขวบเจ็บเล้กน้อยดังกล่าว ตนต้องขอโทษและขอแสดงความเสียใจต่อญาติๆของเด็กๆด้วยจริงๆ ตนรู้สึกผิดมากที่ยิงพลาดไปถูกเด็กจนตายและเจ็บ ตนไม่รู้จริงๆ และขอยอมรับผิดพร้อมจะติดต่อให้เพื่อนร่วมแก๊งที่เหลืออีก1คนคือนายวิศณุหรือเถื่อน นาคคง ที่ยังหลบอยู่มามอบตัวกับตำรวจให้ได้โดยเร็วต่อไป.
พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เผยว่าสำหรับประวัตินายวัฒนาหรือหัวมัน ผู้ต้องหารายนี้มีประวัติเคยถูกจับกุมในคดียาเสพติดหลายคดีและมีคดีพยายามฆ่าในปี 2561 ซึ่งผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการหลบหนีการประกันตัวคดีพยายามฆ่าและ ไม่ไปฟังคำพิพากษาจนถูกศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชออกหมายจับ จนมาก่อคดีโหดดังกล่าว ส่วนผู้ต้องหาที่ยังเหลืออีก1คนคือวิศณุหรือเถื่อน นาคคง อายุ 27ปี ทางตำรวจกำลังเร่งไล่ล่าเต็มที่คาดได้ตัวเร็วๆนี้
