คลังปรับแผนชิมช้อปใช้เฟส 3 ดึงกรุงไทยช่วยลงทะเบียนผู้สูงอายุให้ครบ 5 แสนราย

 

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  เปิดเผยว่า มาตรการชิมช้อปใช้เฟสที่ 3 ไม่คึกคัดเท่ากับเฟส 1 และ 2 แต่เท่าที่ประเมินเสียงตอบรับก็พอใช้ได้ ซึ่งเฟส 3 เป็นมาตรการที่ต่อยอดจากเฟส 1 และ 2 อยากให้การดำเนินการของมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 3 เดินหน้าต่อไป อย่าไปคิดว่า ไม่ประสบสำเร็จ ต้องให้โอกาสดำเนินการ อะไรที่สมควรปรับก็ปรับไป มองต่อเนื่อง อย่าเพิ่งไปตกใจ เหมือนตอนที่เริ่มเฟส 1 ก็บอกว่าจะมีปัญหา เพราะมีเรื่องติดขัด แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นมาได้

“เสียงตอบรับชิมช้อปใช้เฟส 3 ใช้ได้ แต่แตกต่างจากเฟสแรกๆ ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะว่ากระทรวงการคลังวางแผนแต่ต้นว่า เฟส 3 เป็นการขยายต่อยอดเฟส 1 และ 2 ดังนั้นอยากให้มองในภาพรวมอย่าดูเป็นเฟสๆ โดยตั้งใจให้มาตรการดังกล่าวส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ”นายอุตตมกล่าว

ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การลงทะเบียนชิมช้อปใช้เฟส 3  สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 5 แสนราย เปิดให้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน  จนถึงล่าสุดมีผู้มาลงทะเบียน 9 หมื่นราย กระทรวงการคลังประเมินไว้แล้วว่าการลงทะเบียนในกลุ่มผู้สูงอายุคงไม่หวือหวาเท่ากับกลุ่มบุคคลทั่วไป ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดปิดลงทะเบียนและจะเปิดให้ลงทะเบียนจนกว่าจะเต็มจำนวน 5 แสนราย

Advertisement

นายลวรณ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามเท่าที่ประเมินการลงทะเบียนของกลุ่มผู้สูงอายุอาจะเกิดปัญหาลงทะเบียนอาจไม่ถนัดเทคโนโลยี ดังนั้นจะให้สาขากรุงไทยอำนวยความสะดวกช่วยลงทะเบียนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตามมีตัวเลขที่น่าสนใจว่าการลงทะเบียนชิมช้อปใช้เฟส 3 รอบแรก 1.5 ล้านราย มีกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปีมาลงทะเบียน 1.45 แสนราย และเมื่อรวมกับยอดลงทะเบียนล่าสุดรอบพิเศษ มีจำนวนผู้สูงอายุมาลงทะเบียนเกือบ 2.5 แสนราย ดังนั้นคลังประเมินว่าการลงทะเบียนผู้สูงอายุชิมช้อปใช้ ได้ตามเป้า 5 แสนราย

“การลงทะเบียนรอบพิเศษชิมช้อปใช้ในกลุ่มผู้สูงอายุ กระทรวงการคลังประเมินไว้แล้วคงไม่หวือหวาเหมือนรอบปกติ และประเมินว่าจะมีผู้สูงอายุลงทะเบียนประมาณ 5 แสนราย ซึ่งการเปิดรอบพิเศษให้กลุ่มผู้สูงอายุ เพราะอยากให้คนกลุ่มคนนี้เรียนรู้เกี่ยวกับสังคมไร้เงินสด ได้เรียนรู้เทคโนโลยี นอกจากนี้เป็นการตอบรับหลังจากได้รับเสียงบ่นว่ากลุ่มผู้สูงอายุลงทะเบียนไม่ทันคนหนุ่มสาวเมื่อ 2 รอบแรก ซึ่งการเปิดให้ลงทะเบียนกลุ่มผู้สูงอายุเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว”นายลวรณ กล่าว

นายลวรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 1 และ 2 ที่ผ่านมา ช่วยทำให้เงินลงไปสู่ระบบแล้วกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท อยู่ในส่วนกระเป๋า 1 ที่รัฐบาลแจกให้คนละ 1 พันบาทจำนวนกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท และในส่วนกระเป๋า 2 กว่า 1.5 พันล้านบาท พบว่าหลังจากผู้ลงทะเบียนใช้กระเป๋า 1 ไปหมดแล้ว เริ่มใช้กระเป๋า 2 มากขึ้น พบผู้ลงทะเบียนหลายราย ใช้เงินกระเป๋า 2 ไปแล้วในระดับ 1 แสนบาทเกินกว่าที่รัฐบาลคืนเงินให้กำหนดไว้ 5 หมื่นบาท ซึ่งคนกลุ่มที่ใช้เงินกระเป๋า 2 เกินที่รัฐบาลกำหนดไว้เนื่องจากอาจเห็นว่าการชำระเงินด้วยวิธีดังกล่าวสะดวกสบาย

Advertisement

นายลวรณ กล่าวว่า โครงการชิมช้อปใช้เฟส 1 และ 2 ช่วยกระตุ้นเศรฐกิจชุมชน ทำให้ร้านค้าขนาดเล็กมีเงินหมุนเวียน เพราะการใช้จ่ายขณะนี้เงินลงไปในร้านค้าขนาดเล็กและร้านค้าชุมชนกว่า 84% ที่เหลือ 16% เป็นร้านค้าขนาดใหญ่ ซึ่งสัดส่วนลดลงเรื่อยๆ จากช่วงแรกอยู่ที่ระดับ 22%

นายลวรณ กล่าวต่อว่า กระทรวงการคลังปรับปรุงเงื่อนไขชิมช้อปใช้ เฟส 3 โดยให้การใช้จ่ายผ่านกระเป๋าตัง 2 สะดวกมากขึ้น โดยสามารถใช้จ่ายได้ทุกจังหวัดรวมทั้งจังหวัดตามทะเบียนบ้าน และขยายระยะเวลาสิ้นสุดมาตรการไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 ซึ่งรวมถึงผู้ได้รับสิทธิ์เดิมด้วย และการใช้จ่าย จะได้รับเงินคืน โดยไม่ต้องรอจนถึงสิ้นสุดโครงการ กล่าวคือ ตั้งแต่เริ่มมาตรการจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2562 จะได้รับเงินชดเชยในเดือนธันวาคม 2562 สำหรับการใช้จ่ายในเดือนธันวาคม 2562 และมกราคม 2563 จะได้รับเงินชดเชยในเดือนมกราคม 2563 และกุมภาพันธ์ 2563 ตามลำดับ ทั้งนี้ ร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมมาตรการสามารถสมัครได้ที่กรมบัญชีกลางและสำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2563

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image