กมธ.ดีอีเอส ลุยจ.หนองคายตรวจคุณภาพเน็ตชุมชน รอรับ ‘Smart city’

กมธ.ดีอีเอส ลุยจ.หนองคายตรวจคุณภาพเน็ตชุมชน รอรับ ‘Smart city’ พบทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ-สัญญาณไม่เสถียร เร่งนำปัญหากลับมาแก้ไข
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่จ.หนองคาย คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การสื่อสาร โทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ลงพื้นที่ จ.หนองคายเป็นวันที่สอง โดยน.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ให้สัมภาษณ์ว่า กมธ.อีดีเอส ได้ติดตามตรวจสอบการใช้บริการอินเทอร์เน็ตตามแนวชายขอบ หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) การให้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะประจำหมู่บ้าน (USO net) รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพสัญญาณรบกวนคลื่นความถี่การใช้บริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามแนวชายแดน ณ ด่านศุลกากรและจุดตรวจสะพานมิตรภาพไทย-ลาว และตลาดท่าเสด็จ(ตลาดอินโดจีนหนองคาย) ซึ่งกมธ.ฯ เห็นเรื่องคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ สัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เป็นสิ่งสำคัญมากในการเตรียมพร้อมของเมืองหนองคายที่จะต้องรองรับประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนตอนล่างที่จะเข้ามาจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจ.หนองคายจะเป็นด่านแรกที่จะต้องตรวจรับคนเข้ามาในประเทศ ดังนั้นหากเทคโนโลยีดิจิทัล สัญญาณโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ตมีคุณภาพ ก็จะทำให้การตรวจคน ตรวจสิ่งของสินค้า ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว สร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับทั้งคนหนองคายและนักท่องเที่ยว

ด้านนายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.ฯ กล่าวว่า จ.หนองคายถือเป็นจุดรับสำคัญ เนื่องจากรถไฟความสูงจากจีนจะมาหยุดที่กรุงเวียงจันทร์ ประเทศลาว ดังนั้นต้องเตรียมการต้อนรับรวมถึงการพัฒนาหนองคายให้เป็น Smart city เพื่อที่จะดูแลนักท่องเที่ยว ดูแลธุรกิจที่จะไปลงทุนในหนองคาย ให้ได้รับความสะดวกสบาย ที่สำคัญคือเรื่องความปลอดภัยสำหรับการตรวจสอบการบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) การให้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะประจำหมู่บ้าน (USO net) ต้องบอกว่าโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนอย่างมาก ในการเอื้ออำนวยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายและรวดเร็ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นผมในฐานะคนพื้นที่ ได้รับข้อมูลจากประชาชนที่ได้ใช้งานจริง ทราบว่าอินเทอร์เน็ตในบางจุด ยังคงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ บางจุดคอนเน็คได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางจุดไม่มีความเสถียรของสัญญาณ ตรงนี้ก็เป็นปัญหาอุปสรรคในการใช้บริการโดยจะกำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาดำเนินการแก้ไขปรับปรุง ส่วนการตรวจสอบคุณภาพสัญญาณรบกวนคลื่นความถี่การใช้บริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามแนวชายแดน พบว่ายังมีบางจุดตามแนวชายแดนเลียบแม่น้ำโขง ที่สัญญาณโทรศัพท์จากฝั่งประเทศลาวมีความแรงกว่าสัญญาณโทรศัพท์ของไทย ทำให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยว ที่ไม่ทราบและไม่ทันระวัง จึงไม่ได้ปิดระบบโรมมิ่งที่โทรศัพท์มือ ทำให้โทรศัพท์มือไปจับสัญญาณของประเทศลาว ตรงนี้จะส่งผลให้ผู้ใช้บริการอาจต้องเจอกับการเรียกเก็บค่ามือถือที่แพงกว่าปกติ เพราะระบบคิดว่าเป็นการใช้โทรศัพท์ในต่างประเทศ กมธ.ฯจะได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม โดยจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ถึงสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งหาแนวทางแก้ปัญหาต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image