ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน พระมหากรุณาแก่การศพ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปในการพระราชทานเพลิงศพ ในวันอาทิตย์ที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ วัดเทพศิรินทราวาส
โดยระหว่างวันที่ ๗ – ๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้บำเพ็ญพระราชกุศลในการออกเมรุและพระราชทานเพลิงศพ และ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานโกศกุดั่นน้อย พร้อมเครื่องเกียรติยศประกอบศพพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งตามแบบธรรมเนียมในราชสำนักจะต้องมีการจัดขบวนรถเชิญโกศศพพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่งที่สำคัญ ๆ ทั้งทางด้านการทหาร และการบริหารราชการแผ่นดิน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเป็นเวลานานถึง ๘ ปี ๕ เดือนเศษ โดยครั้งสุดท้ายได้ดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งต่าง ๆได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ และเป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงนับเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การเคารพ ยกย่อง สรรเสริญ และเป็นแบบอย่างให้แก่อนุชนรุ่นหลังได้ยึดถือและดำเนินรอยตาม
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานองคมนตรี ได้มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการบำเพ็ญพระราชกุศลในการออกเมรุการจัดการสถานที่ การจราจร และเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับพิธีพระราชทานเพลิงศพ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแบบธรรมเนียมให้สมเกียรติอดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ในการนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ ห้องประชุม ๑๐๘ อรรถไกวัลวที สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยได้มอบหมายสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับการบำเพ็ญพระราชกุศลในการออกเมรุ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ
หมายกำหนดการพิธีพระราชทานเพลิงศพ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ มีดังนี้
วันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๒
– เวลา ๑๖.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี รักษาการประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปในการบำเพ็ญพระราชกุศล
ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
– เวลา ๑๙.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายเกษม
วัฒนชัย องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปในการพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ณ พระที่นั่งทรงธรรม
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
วันอาทิตย์ที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๒
– เวลา ๑๐.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี รักษาการประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปในการบำเพ็ญพระราชกุศล
ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
– เวลา ๑๓.๐๐น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี รักษาการประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปในการเชิญโกศศพ พลเอก เปรม
ติณสูลานนท์ ไปพระราชทานเพลิง โดยเคลื่อนจากพระที่นั่งทรงธรรมไปขึ้นตั้งบนราชรถ
– เวลา ๑๓.๓๐น. เคลื่อนขบวนแห่เชิญโกศศพจากวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ไปยังเมรุ
วัดเทพศิรินทราวาส มีระยะทางประมาณ ๓ กิโลเมตร โดยเริ่มจากวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เลี้ยวซ้าย
เข้าถนนศรีอยุธยา เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินนอกถึงสะพานมัฆวานเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเกษม ผ่าน
แยกเทวกรรม ผ่านแยกสะพานขาว ผ่านแยกกษัตริย์ศึก ผ่านหน้าโรงเรียนวัดเทพศิรินทราวาส แยกนพวงศ์
เลี้ยวขวาเข้าถนนหลวง เลี้ยวเข้าเมรุวัดเทพศิรินทราวาสทางประตูด้านใต้ ตั้งขบวนอิสริยยศ เชิญโกศ
แห่เวียนเมรุ และเชิญโกศขึ้นตั้งบนจิตกาธานบนเมรุ
– เวลา ๑๗.๐๐น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินถึงวัดเทพศิรินทราวาส พระราชทานเพลิง
– เวลา ๑๙.๐๐น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี รักษาการประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปในการพระราชทานเพลิงจริง
วันจันทร์ที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ เวลา ๐๗.๐๐น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี รักษาการประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปในการเก็บอัฐิ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส
ทั้งนี้ สำนักงานองคมนตรี สำนักพระราชวัง มูลนิธิรัฐบุรุษ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะร่วมกันพิจารณาแจ้งเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน โดยขอความร่วมมือให้ผู้ที่ได้รับเชิญเดินทางเป็นหมู่คณะ ซึ่งจะมีการอำนวยความสะดวก ด้านต่าง ๆ แก่ผู้ร่วมงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
