เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะ เดินทางไปที่เตาเผาขยะของเทศบาลนครเกาะสมุย ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อสำรวจพื้นที่การจัดการขยะในบ่อขยะ ที่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านและชุมชนจากมลพิษของกลิ่น และน้ำเสีย พร้อมเป็นคนกลางพูดคุยกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขออนุมัติงบประมาณ 300 ล้านบาท ในการกำจัดขยะที่ตกค้างกว่า 3 แสนตัน บนเกาะสมุย ซึ่งมองด้วยตาจะเห็นขยะกองมหึมาจำนวน 7 กอง คลุมไว้ด้วยผ้าใบ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณเตาเผาขยะ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่เทศบาลนครเกาะสมุยยังไม่สามารถบริหารจัดการได้ เหตุเพราะเตาเผาขยะเสียใช้งานไม่ได้มากว่า 10 ปีแล้ว
นายพิพัฒน์กล่าวว่า ได้รับทราบปัญหาของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณบ่อขยะนี้ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาของขยะเก่าประมาณ 300,000 ตัน ในอดีตเทศบาลนครเกาะสมุยเคยได้งบประมาณในการกำจัดมาแล้วกว่า 300 ล้านบาท แต่ว่าทางเทศบาลทำการจัดจ้างไม่ทัน งบประมาณจึงได้ตกไป ครั้งนี้ได้มาดูในเรื่องของปัญหาการท่องเที่ยว และตรงนี้ก็เป็นปัญหาของกลิ่นและน้ำเสีย จากนี้จะเป็นคนกลางนำเรื่องของขยะเก่ากว่า 300,000 ตันนี้ไปหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเชื่อว่ากระทรวงมหาดไทยจะเห็นชอบในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน
นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศบาลนครเกาะสมุย เปิดเผยว่า ขยะที่เห็นอยู่นี้มีทั้งขยะเก่าและขยะใหม่ โดยขยะเก่าสะสมมา 3-4 ปี น้ำหนักประมาณ 300,000 ตัน ทางเทศบาลไม่มีงบประมาณในการกำจัด จึงต้องนำผ้าใบมาคลุมไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเสียจากกองขยะไหลลงลำน้ำสาธารณะด้านล่าง ส่วนขยะใหม่ มาจากนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ นำขึ้นมาบนเกาะทุกวัน วันละ 150 ตัน ขยะส่วนนี้ทางเทศบาลได้งบประมาณส่วนหนึ่งมาแล้วและได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนจัดเก็บ แต่ก็ต้องรอขนย้ายไปทำลายนอกเกาะทุก 10-20 วัน
“แต่ขยะที่สะสมมาอย่างยาวนาน ส่งผลกระทบกับชาวบ้านในหลายหมู่บ้านแล้ว นอกจากกลิ่นที่เหม็นแล้ว ในช่วงที่มีฝนตกน้ำเสียจากกองขยะยังไหลลงลำน้ำสาธารณะ แล้วซึมลงชั้นดิน ทำให้น้ำในบ่อที่ชาวบ้านขุดกันไว้ กลายเป็นสีแดงมีกลิ่นเหม็น ไม่สามารถนำไปใช้อุปโภคบริโภคได้ ต้องนำไปรดต้นไม้แทน” นายรามเนตรกล่าว
