นางวรนุช ภู่อิ่ม ที่ปรึกษาด้านการบริหารเหรียญกษาปณ์และทรัพย์สินมีค่า กรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในปีงบ2563 นี้กรมมีแผนผลิตเหรียญใหม่ 1.88 พันล้านเหรียญ โดยยังคงผลิตเหรียญรุ่นใหม่ ร. 10 เข้าสู่ระบบ เพื่อทดแทนเหรียญรุ่นเก่า ร. 9 ซึ่งยังสามารถใช้ควบคู่กันไป โดยจะปล่อยให้เหรียญหมดสภาพตามอายุการใช้งานหรือชำรุด ไม่มีการเก็บคืน
นางวรนุชกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันในส่วนของการแลกคืนเหรียญ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชาและสามารถลดต้นทุนการผลิตเพิ่ม ทางกรมฯ คาดว่า จะขยายการให้บริการ รถบริการรับแลกคืนเหรียญกษาปณ์ ไปในพื้นที่ๆ ที่ยังไม่มีศูนย์บริหารจัดการเหรียญกษาปณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก เช่น ราชบุรี กาญจนบุรี จากที่ผ่านมากรมฯ ได้ให้บริการดังกล่าวในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล เช่น นนทบุรีและอยุธยา รวมถึงพื้นที่มีศูนย์บริหารเหรียญกษาปณ์ 6 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น นครสวรรค์ อุบลราชธานี สงขลา สุราษฎร์ธานี ซึ่งประชาชนตอบรับดีมาก นำเหรียญกษาปณ์ทุกชนิดราคามาแลกคืนเฉลี่ย 100,000เหรียญต่อครั้ง ถือว่า เกินเป้าหมายที่วางไว้
นางวรนุชกล่าวว่า นอกจากนี้ ในช่วงใกล้เทศกาลอย่างเช่นปีใหม่หรือวันเด็ก อยากเชิญชวนให้ประชาชนหรือเด็กๆ ที่เก็บสะสมเหรียญ เอาไว้สามารถนำเหรียญมาแลกคืน ได้ที่ศูนย์บริหารเหรียญ และธนาคารทุกแห่ง โดยเฉพาะธนาคารออมสิน เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันประชาชนยังไม่ค่อยนำเหรียญกษาปณ์ออกมาแลกมากนัก อาจจะด้วยมีข้อจำกัดต่างๆ และค่าธรรมเนียมในการนับเงิน
นางวรนุชกล่าวว่า สำหรับภาพรวมเหรียญกษาปณ์ที่หมุนเวียนในระบบ เศรษฐกิจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีการใช้จ่ายเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนทุกชนิดราคาประมาณปีละ 3 พันล้านเหรียญ ทั้งนี้จนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 มีเหรียญหมุนเวียนทั้งสิ้น 3.48 หมื่นล้านเหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7.15 หมื่นล้านบาท มีทั้งเหรียญรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ทุกชนิดราคา ซึ่งการรับคืนต่อการจ่ายแลกเหรียญใหม่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 44.63% ของในระบบ
