‘ผวจ.กาญจน์’แจงรื้อบ้านพักคนงานโรงงานกระดาษตามสัญญา ยันไม่มีอำนาจ

‘ผวจ.กาญจน์’แจงรื้อบ้านพักคนงานโรงงานกระดาษตามสัญญา ยันไม่มีอำนาจ

วันที่ 11 ธ.ค.62 นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ชี้แจงถึงกรณีที่หลายคนระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นคนสั่งรื้อเรือนแถวบ้านพักคนงานโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ว่า ตนไม่มีอำนาจในการสั่งรื้อ ข้อเท็จจริงคือรัฐบาลในช่วงปี 2530 กว่าๆ ได้ขายอาคารโรงงาน อาคารรอบโรงงานและเครื่องมือเครื่องจักร ให้แก่ภาคเอกชน และมีสัญญาเช่าพื้นที่กับกรมธนารักษ์ 30 ปี นั่นก็หมายความว่าสิทธิของตัวอาคารและเครื่องจักรเป็นของเขาแล้วตั้งแต่บัดนั้น มีการสร้างบ้านพักผู้จัดการโรงงานทับแนวกำแพงเมืองซึ่งสร้างในสมัย ร.3 ซึ่งตนคิดอยู่ในใจว่าตอนนั้นพวกเรายอมกันได้อย่างไร เมื่อตนย้ายมารับราชการที่กาญจนบุรีใหม่ๆ ตนได้เดินรอบบริเวณพื้นที่ดูหลายครั้ง และได้พิจารณาดูพื้นที่โดยรอบแล้วเห็นถึงศักยภาพของพื้นที่ จึงตั้งปณิธานว่าหากมีโอกาสเมื่อใด ตนจะไม่รีรอที่จะนำพื้นที่โรงงานกระดาษกลับมาให้เป็นสถานที่ที่คนเมืองกาญจน์ภาคภูมิใจทันที

แล้วโอกาสนั้นก็มาจริงๆ เมื่อสัญญาเช่าที่ราชพัสดุของภาคเอกชนหมดลง เดิมทีได้มีสัญญาข้อตกลง (MOU) ระหว่าง กรมธนารักษ์ ภาคเอกชนที่เช่าที่ และจังหวัดกาญจนบุรีในสมัยนั้นที่จะทำพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นโรงแรมและศูนย์การค้า แต่ตนทราบความต้องการของพี่น้องประชาชนดีว่าพวกเราไม่ได้ต้องการอย่างนั้น พวกเราต้องการพื้นที่คืน ซึ่งนำไปสู่ขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ที่ภาคประชาชนและจังหวัดได้ร่วมมือกัน

ในที่สุดส่วนกลางก็เห็นถึงความต้องการอย่างแท้จริงของคนเมืองกาญจน์จึงไม่ทำการต่อสัญญากับภาคเอกชน และตนได้ประสานขอความร่วมมือไปยัง นายก อบจ. เพื่อที่จะเป็นเจ้าภาพในการขอใช้สถานที่ ซึ่งนายก อบจ.ก็ยินดีทำ ในขั้นตอนนี้จึงอยู่ระหว่างรอกรมธนารักษ์ตอบอนุญาตอย่างเป็นทางการ

Advertisement

ทั้งนี้เมื่อกรมธนารักษ์ไม่ต่อสัญญาทางภาคเอกชนก็ต้องทำตามสัญญาเดิมคือการรื้อถอนเคลื่อนย้ายวัสดุที่เป็นของเขาออกนอกพื้นที่ภายใน 30 วัน (ซึ่งขณะนี้เกินเวลาไปมากแล้ว) สิ่งที่เป็นของเขาก็ได้แก่ อาคารโรงงานกระดาษทั้งหมด อาคารบ้านพัก และวัสดุอุปกรณ์ ซึ่งได้ขายให้แก่เขาเมื่อปี 2530 กว่าๆ อย่างที่ตนชี้แจงข้างต้น

ซึ่งการก่อสร้างหรือรื้อถอนในบริเวณดังกล่าวภาคเอกชนไม่สามารถทำได้โดยพลการ เนื่องจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นเขตอนุรักษ์เมืองเก่าต้องให้กรมศิลปากรพิจารณาก่อนจะทำการรื้อถอนได้ ซึ่งเรื่องนี้กรมศิลปากรมีนักวิชาการตั้งเป็นคณะกรรมการประชุมกันอย่างเป็นทางการแล้วออกมาเป็นข้อสรุปว่าอันไหนควรเก็บรักษาไว้ อันไหนรื้อถอนได้ ซึ่งผลจากการประชุมคณะกรรมการของกรมศิลปากรออกมาว่า ให้เก็บตัวอาคารโรงงานใหญ่ไว้ ซึ่งอย่างนี้ถึงแม้ว่าอาคารโรงงานจะเป็นทรัพย์สินของภาคเอกชน ก็ไม่สามารถรื้อถอนได้ แต่เรือนแถวบ้านพักคนงานทางกรมศิลปากรไม่ได้บอกให้เก็บไว้ ภาคเอกชนก็ต้องทำตามสัญญาคือรื้อถอนภายใน 30 วัน เมื่อได้รับทราบผลของกรมศิลปากร ตนจะเอาอำนาจใดไประงับไม่ให้รื้อถอนหรือจะเอาอำนาจใดไปให้รื้อถอนได้ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามสัญญา

ในส่วนนี้สิ่งที่ตนมีบทบาทก็คือด้วยความเป็นห่วงบุคคลที่อาศัยอยู่เกรงว่าพวกเขาจะไม่มีบ้านอยู่อาศัย จึงรับเป็นภาระที่จะจัดหาที่อยู่อาศัยใหม่ให้ ซึ่งการจัดการก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกครัวเรือนพึงพอใจครับ ไม่ใช่เป็นการสั่งรื้อเหมือนที่บางคนพยายามสร้างความสับสนอยู่ในขณะนี้

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณดังกล่าว มีทั้งหมด 12 ครัวเรือน ได้มาขอความช่วยเหลือจังหวัดให้จัดหาที่อยู่ใหม่ให้จากเหตุผลข้างต้น จังหวัดจึงได้จัดหาที่อยู่ใหม่ให้ โดยประชาชนจำนวน 9 ครัวเรือน ไปอยู่ที่บ้าน 60 หลัง หรือ “บ้านแม่ลำใย” ในโครงการจัดระเบียบแพและบ้านพักตามโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากที่อยู่อาศัย บริเวณริมแม่น้ำแควใหญ่ ที่ เกาะรัตนกาญจน์ ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี ส่วนอีก 3 ครัวเรือน ทางจังหวัดได้จัดหาที่ธนารักษ์ให้บริเวณ หลังโรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห์) ให้เรียบร้อยแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image