นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่านั้น เป็นอำนาจและหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในการดูแล กระทรวงการคลังจะไม่เข้าไปก้าวก่าย ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงค่าบาท เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้บัญชาว่า ทางกระทรวงการคลัง ธปท.และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) จะต้องร่วมกันทำงานในกรอบใหญ่ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงจะเสนอตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลจำนวน 2 ชุด คือ 1.ชุดที่ดูแลด้านเสถียรภาพ และ 2.ชุดที่ดูแลด้านนโยบาย โดยมีหน้าที่ในการให้ข้อมูลในการดูแลภาพรวมเศรษฐกิจ แต่อำนาจหน้าที่ในการบริหารและดำเนินนโยบายเป็นหน้าที่ของแต่ละองค์กร
“หลังปีใหม่จะเสนอแต่งตั้งคณะทำงาน 2 ชุดดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งคณะทำงานทั้งสองชุดจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆมาร่วมเป็นคณะทำงาน ส่วนเรื่องเสถียรภาพค่าเงินบาทนั้น ถือเป็นปัจจัยหนึ่งในระบบเศรษฐกิจในภาพรวมต้องหารือกัน แต่ธปท.จะเป็นหน่วยงานหลักในการดูแล ซึ่งจะต้องดูโครงสร้างเศรษฐกิจประกอบด้วย”นายอุตตมกล่าว
นายอุตตม กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในปีหน้านั้น มีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าปีนี้ จากปัจจัยหลักจะมาจากเศรษฐกิจในประเทศ แม้ว่า จะโตไม่เต็มที่ แต่น่าจะดีขึ้นจากกำลังซื้อในประเทศ การลงทุนภาครัฐที่จะมีต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนเอกชนก็เชื่อว่า น่าจะลงทุนต่อ ส่วนปัจจัยภายนอกนั้น ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามและยังมีความท้าทาย แต่คิดว่า ในความท้าทายยังมีโอกาสจากการค้าขายของประเทศขนาดใหญ่ที่อาจจะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การส่งออกดีของไทยกระเตื้องขึ้น
