พณ.ชี้ช่องเจาะตลาดมิลเลนเนียลในสหรัฐ พบกำลังซื้อสูง เผย10สินค้า-บริการมีโอกาสโกยเงิน

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  กระทรวงพาริชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์)ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจโอกาสทางการตลาดให้กับสินค้าไทย ล่าสุดได้รับรายงานจากทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในเมืองไมอามี สหรัฐอเมริกา ถึงโอกาสการขยายตลาดสินค้าไทยเจาะเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภค Millennials ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง มีอิทธิพลต่อการบริโภคสูง และกำลังจะเข้ามาแทนที่กลุ่มประชากร Generation X และ Baby Boomer ที่กำลังเข้าสู่วัยเกษียณ ซึ่งหากผู้ผลิตและผู้ส่งออกของไทยทำการศึกษา และวางแผนการเจาะตลาดให้ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดสหรัฐได้เพิ่มขึ้น

น.ส.นิธิมา ศิริโภคากิจ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองไมอามี กล่าวว่า กลุ่มประชากร Millennials มีอายุระหว่าง 23-38 ปี เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เพราะอยู่ในวัยทำงาน และมีรายได้ค่อนข้างมั่นคง โดยลักษณะการบริโภคจะแตกต่างจากผู้บริโภคกลุ่มอื่น มีลักษณะการใช้ชีวิตสัมพันธ์กับเทคโนโลยี แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ มักบริโภคข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตและโซเซียลมีเดีย และนิยมซื้อสินค้าทางออนไลน์ ซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือสินค้าที่ช่วยพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น

น.ส.นิธิมา กล่าวว่า สำหรับผู้ผลิตผู้ส่งออกไทยที่สนใจทำตลาดเจาะผู้บริโภคกลุ่มนี้ ควรศึกษารายละเอียดความต้องการในการบริโภคสินค้าและบริการ ให้ตรงตามความต้องการของตลาด ซึ่งปัจจุบันสามารถแบ่งความสนใจออกได้ประมาณ 10 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแคมปิ้ง กลุ่มสุขภาพ กลุ่มการท่องเที่ยว กลุ่มนักชิม กลุ่มกาแฟ กลุ่มอาหารแช่แข็ง กลุ่มเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาลและแคลอรี กลุ่มต้นไม้ประดับ กลุ่มสินค้าเครื่องประทินผิว และกลุ่มยานพาหนะ

” โดยช่องทางในการขยายตลาด เห็นว่าช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางในการสื่อสารและทำตลาดผู้บริโภคกลุ่ม Millennials ได้ดีที่สุด เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้มีลักษณะนิสัยให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย มักจะเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และไม่ค่อยชอบเสียเวลาเพื่อเดินทางไปเลือกซื้อสินค้าตามร้านค้าปลีกทั่วไป และหากสินค้ามีจุดเด่นในการรับผิดชอบต่อสังคม การรักษาสิ่งแวดล้อม ก็มักจะบอกต่อในกลุ่มเพื่อนและคนรู้จักให้ทดลองใช้ ซึ่งจะเป็นผลดีในการทำการตลาดแบบบอกต่อ และมีผลดีที่ไม่ต้องใช้งบประชาสัมพันธ์มาก ทำให้สินค้ามีโอกาสเพิ่มขึ้น ” น.ส.นิธิมา กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image