‘โกลเบล็ก’ ชี้จับตาการเมืองไม่แน่นอน คาดดัชนีหุ้นปี’63 วิ่งในกรอบ 1,599-1,827 จุด

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยปี 2563 ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,599-1,827 จุด บนสมมติฐาน ตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจหรือจีดีพีที่ 2.8% และระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไร อยู่ที่ 14-16 เท่า โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศไทยปี 2563 ที่ขยายตัวดีขึ้นจากฐานที่ต่ำในปี 2562 โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้คาดการณ์การเติบโตของจีดีพีไทยปี 2563 ไว้ที่ประมาณ 2.8% จากระดับ 2.5% ในปี 2562 รวมถึงปัจัยสถานการณ์ต่างประเทศ โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน (เทรดวอร์) ที่มีแนวโน้มคลี่คลาย โดยจะมีการร่วมลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรก ในวันที่ 15 มกราคม 2563 และคาดว่าต่อจากนี้จะเห็นการเริ่มต้นเจรจาข้อตกลงการค้าเฟส 2 ต่อไป ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันขยับขึ้น หลังจากสงครามการค้าสหรัฐและจีนมีแนวโน้มคลี่คลาย ทำให่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น โดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศมีแนวโน้มที่จะยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายไปจนถึงปลายปีนี้  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า

นางสาววิลาสินีกล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่ยังคงให้ความสำคัญคือ ปัจจัยการเมืองในประเทศมีความไม่แน่นอน และยังคงต้องจับตา อาทิ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 การวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ คะแนนเสียงฝ่ายรัฐบาล และค่าเงินบาทมีความผันผวน โดยมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าคู่แข่ง ทั้งยังต้องติดตามความเคลื่อนไหวของธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งในช่วงปลายปีของปีนี้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ล้วนแล้วแต่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นระยะๆ สำหรับกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ ให้เลือกลงทุนในในหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จาก สถานการณ์ หรือมาตรการต่างๆ และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่มีความปลอกภัย

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ในส่วนของราคาทองคำปี 2563 คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบระดับ 1,390-1,600 เหรียญสหรัฐ หรือ 19,700-22,950 บาทต่อบาททองคำ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกในปี 2563 จะเริ่มชะลอตัวทั้งในสหรัฐ ยูโรโซน อังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน ส่งผลให้ความต้องการถือสินทรัพย์เสี่ยงลดลง อย่างไรก็ตาม การประชุมธนาคารกลางสหรัฐที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงไตรมาส 3 ปี 2563 และคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1 ครั้งในช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ โดยปัจจัยที่น่าจับตามองคือ การเลือกตั้งสหรัฐในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่หากประธานาธิบดี ดอนัลด์ ทรัมป์ ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป ก็คาดว่าจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ จากนโยบาย “อเมริกามาก่อน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image