นายสิทธิวัตน์ กำกัดวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัลแคร์ แอนด์ แล็บ จำกัด(มหาชน) หรือ IMH เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2563 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เนื่องจากมุ่งเน้นกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าในกลุ่มแรงงานต่างด้าว และลูกค้ากลุ่มประกันสังคมเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายขยับสัดส่วนเพิ่มเป็น 50% จากปี 2562 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ส่งผลให้ผลประกอบการในปี 2563 มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามฐานลูกค้าที่ขยายตัวสูงขึ้น โดยเป้าหมายขยายฐานลูกค้าเป็นไปอย่างสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกันตนได้รับบริการตรวจสุขภาพ และที่เหลือเป็นกลุ่มลูกค้าเอกชนที่ส่วนมากเป็นบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 40% ช่วยผลักดันจำนวนฐานลูกค้าในปี 2563 เติบโตไม่ต่ำกว่า 1,200,000 คน เพิ่มขึ้นจากปี2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 800,000 – 900,000 คน
“บริษัทมีแผนเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัวของลูกค้า โดยมีเป้าหมายในปี 2563 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 350-500 บาทต่อคน เมื่อเทียบกับปี 2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 300 บาทต่อคน ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์เสริมบริการดูแลสุขภาพเบื้องต้นด้านต่างๆ ส่งผลให้ขนาดต้นทุนต่อหน่วยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นปัจจัยสนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2563 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 30% ซึ่งถือเป็นการเติบโตตามการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นจากฐานลูกค้าที่ขยายตัวขึ้น”นายสิทธิวัตน์กล่าว
นายสิทธิวัตน์กล่าวว่า สำหรับทิศทางผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 2563 แม้ว่าตามสถิติทุกปีจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นแต่แนวโน้มรายได้ในไตรมาส 1/2563 ก็มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับฐานรายได้ในไตรมาส 1/2562 โดยบริษัทได้รับงานตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวจากโรงพยาบาลภาครัฐหลายแห่ง และรวมถึงภาคเอกชน ซึ่งตามแผนตั้งเป้ารับรู้รายได้ จากปริมาณงานให้บริการตรวจสุขภาพกับลูกค้ารวมทุกประเภท ที่คาดว่าจะมีจำนวน 250,000 คน โดยในช่วงไตรมาสนี้ยังเป็นช่วงการตรวจสุขภาพของแรงงานต่างด้าวอยู่ โดยหลังจากบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เมื่อช่วงปลายปี 2562 ก็ช่วยเสริมให้ฐานะการเงิน และศักยภาพด้านการแข่งขันเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากบริษัทได้ดำเนินการตามแผนไอพีโอในการชำระคืนหนี้ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้มีการชำระคืนหนี้ดังกล่าวทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ขณะนี้บริษัทฯอยู่ในสถานะปลอดหนี้ จากในไตรมาส 3/2562 ที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.86 เท่า
นายสิทธิวัตน์กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทยังมีแผนเข้าประมูลงานที่มีมูลค่าขนาดใหญ่ทั้งส่วนภาครัฐและเอกชน จึงมีความมั่นใจว่า ฐานลูกค้ารวมทุกประเภทสิ้นปี 2663 จะไม่ต่ำกว่า 1,200,000 คน โดยฐานลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จะช่วยหนุนศักยภาพอัตราการเติบโตของบริษัทให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเป็นผู้ประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์ ให้บริการตรวจสุขภาพทั้งในและนอกสถานที่ โดยมีรายได้จาก 2 ทางคือ ธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ คิดเป็นสัดส่วน 85% ของรายได้รวม ได้แก่ การให้บริการตรวจสุขภาพประจำปี การตรวจสุขภาพปัจจัยเสี่ยง การตรวจสุขภาพก่อนเข้างาน และการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว ด้วยทีมแพทย์และพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์และห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานส่วนรายได้ที่เหลือ 15% มาจากธุรกิจบริการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม