‘อุตตม’หารือรมว.คลังฮ่องกงเดินหน้าความร่วมมือตลาดทุน โชว์แผนปฏิรูปศก.ไทยต่อเอกชนฮ่องกง

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เข้าเยี่ยมคารวะและร่วมหารือทวิภาคีกับนายพอล ชาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฮ่องกง ณ กระทรวงการคลังฮ่องกง เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 เพื่อสานต่อความร่วมมือระหว่างรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงได้ร่วมกันลงนาม เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562

ทั้งนี้เน้นย้ำถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยและแนวนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนการยกระดับศักยภาพของเศรษฐกิจและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ตลอดจนนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและทางดิจิทัล ในส่วนความร่วมมือทางการเงินนั้น ไทยและฮ่องกงตกลงที่จะผลักดันการเชื่อมโยงตลาดทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้ามตลาดระหว่างกัน รวมถึงการเชื่อมโยงด้านข้อมูล ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างความตระหนักของนักลงทุนรายย่อยของทั้งสองฝ่าย พร้อมทั้งลดอุปสรรคในระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ของอีกฝ่ายได้ และการอำนวยความสะดวกในการเสนอขายหลักทรัพย์ระหว่างกัน โดยเฉพาะการเร่งดำเนินการให้ได้ข้อสรุปและมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงเรื่องการเสนอขายหน่วยลงทุนข้ามกันได้ ซึ่งรวมถึงอีทีเอฟ และส่งเสริมความร่วมมือด้านผลิตภัณฑ์การเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการเงินที่ยั่งยืน เช่น ผลิตภัณฑ์การเงินสีเขียว  ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการเงินของทั้งสองฝ่าย

นายอุตตม กล่าวต่อว่า  ไทยและฮ่องกงพร้อมที่จะผลักดันความร่วมมือทางการเงินอื่น ๆ อาทิ การเสริมสร้างโอกาสการลงทุนระหว่างกันโดยเฉพาะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และความร่วมมือด้านเทคโนโลยีทางการเงินอื่น ๆ เช่น ฟินเทคเป็นต้น

นายอุตตม กล่าวถึงการเข้าร่วมการพบปะหารือกับผู้บริหารระดับสูงจากนักลงทุนสถาบันภาคเอกชนของฮ่องกง ซึ่งกระทรวงการคลังจัดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ว่า มีนักลงทุนเข้าหารือกว่า 35 กองทุน รวมมูลค่าถึง 20.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำเสนอทิศทางและนโยบายเศรษฐกิจ พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย โดยเน้นย้ำว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ปี 2563 นี้เป็นปีแห่งการลงทุนของไทย รวมทั้งได้ชี้แจงถึงความสำคัญของการปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

Advertisement

ทั้งนี้ไทยเร่งรัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งในรูปแบบกายภาพและดิจิทัลซึ่งเริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของไทย และการวางระบบอีเพย์เมนต์ เพื่อพัฒนาระบบการชำระเงินของไทยให้เข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร การลดความเหลื่อมล้ำ และการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพ และ ฟินทค

“ขณะนี้ไทยมีสภาวะด้านการคลังและการเงินที่แข็งแกร่งและพร้อมที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะด้านการบริโภคและการลงทุนในประเทศในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันที่ร่วมงานครั้งนี้ได้แสดงความสนใจในเศรษฐกิจไทยและตลาดทุนไทยเป็นอย่างมาก และมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข่งแกร่ง และนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐต่างๆ ที่จะเอื้อต่อการลงทุนในระยะยาวต่อไป”นายอุตตม กล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image