โคราชตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินรับมือไวรัสโคโรนา สแกนเข้ม 32 อำเภอ ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ-เฝ้าระวัง 3 ผู้ป่วยต้องสงสัย 14 วัน
วันที่ 29 มกราคม ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน เฝ้าระวังและป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนาขึ้น โดยมีนายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเปิดศูนย์ฯ กว่า 50 คน ซึ่งประกอบไปด้วย สำนักงานควบคุมโรคที่ 9, สาธารณสุขอำเภอทั้ง 32 อำเภอ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกแห่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทั้งนี้เพื่อเป็นการวางแผนเฝ้าระวัง ควบคุมและป้องกันอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ภายหลังจากที่ล่าสุดมีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศไทยแล้วถึง 14 ราย นายแพทย์นรินทร์รัชต์กล่าวว่า ภายหลังจากที่มีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทยแล้วถึง 14 ราย ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน เฝ้าระวังและป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ขึ้น โดยจะให้ทางโรงพยาบาลระดับอำเภอทุกแห่ง สแกนผู้ป่วยที่มีประวัติเดินทางกลับมาจากประเทศจีนทุกคน ไม่ว่าจะไปทำงาน หรือไปศึกษาต่อ เพื่อคัดกรองหากพบว่ามีอาการป่วยลักษณะคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ก็ขอให้ทำการกักตัวเข้าไปรักษาในห้องควบคุมโรคติดต่อทันที และแจ้งให้ศูนย์ฯ ทราบเพื่อที่จะได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยอาการป่วย รวมทั้งส่งตัวอย่างสารคัดหลั่งไปตรวจในห้องแล็บอย่างละเอียด ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ได้มีการตรวจพบผู้ป่วยที่ต้องสงสัย ซึ่งเป็นคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศจีน จำนวน 3 ราย แต่ภายหลังจากที่ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วปรากฏว่าไม่เข้าข่ายติดเชื้อไวรัสโคโรนา เป็นเพียงไข้หวัดใหญ่ทั่วไป จึงได้ทำการรักษาจนหายและอนุญาตให้กลับบ้านได้ทั้ง 3 คนแล้ว แต่ยังต้องมีการเฝ้าติดตามอาการจนครบ 14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าหายดีแล้วจริงๆ ดังนั้นขณะนี้จึงขอยืนยันว่าในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แม้แต่รายเดียว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางศูนย์ฯ จะมีการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการกับหน่ายงานต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ สถานีขนส่งจังหวัดนครราชสีมาทั้ง 2 แห่ง ได้ช่วยคัดกรองประชาชนที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร และจังหวัดที่มีการพบผู้ป่วยติดเชื้อ รวมทั้งประชาชนที่เดินทางมาจากประเทศจีนด้วย ส่วนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 8 แห่ง ก็ได้ให้มีการวางมาตรการประชาสัมพันธ์ให้นักเรียน นักศึกษา ได้รู้จักการใช้หน้ากากอนามัย การล้างมือ และการกินร้อน ใช้ช้อนกลาง เพื่อป้องการการติดเชื้อ ขณะที่ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ก็ได้มีมาตรการดูแลความสะอาดอย่างเข้มงวดแล้วขณะนี้ จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้
