นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล รองนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย และประธานกลุ่มโรงสีภาคเหนือตอนล่าง กล่าวถึงสถานการณ์ราคาข้าวในไทยว่า ในแง่ผลผลิตจากพื้นที่ภัยแล้งและขาดแคลนน้ำทำนาได้ส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าวเปลือกลดลงอย่างมากตั้งแต่ฤดูกาลปลูกนาปี 2562/63 และนาปรังรอบแรก 2563 ซึ่งประเมินว่าผลผลิตข้าวเปลือกเหลือไม่เกิน 25 %ของช่วงปกติ หรือเหลือประมาณล้านกว่าตันจากปกติกว่า4 ล้านตัน ทำให้เกิดการทะลักของข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาต่อเนื่อง เพราะประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว พม่า กัมพูชา หรือเวียดนาม ไม่เจอภัยแล้งหนักเท่าไทย ผลผลิตเพียงพอ และราคาต่ำกว่าข้าวไทยมาก
“ จากผลผลิตข้าวเปลือกที่หายไปจำนวนมาก น่าจะส่งผลต่อราคาข้าวพุ่งแรงกว่าปกติมาก แต่พบว่าราคาขยับได้ไม่มาก เช่น ข้าวเปลือกหอมมะลิ หรือ ข้าวเปลือกเหนียว ปีนี้ควรถึง 2 หมื่นบาทต่อตัน แต่กลับทรงตัวที่ 1.6-1.7 หมื่นบาทต่อตัน เพราะมีข้าวจากเพื่อนบ้านเข้ามากและขายได้กำไรกว่า อย่างข้าวเหนียวไทยต้องขาย 35 บาท/กก. ราคาเพื่อนบ้านต่ำกว่า 21 บาท/กก. หรือราคาถูกกว่า40% เป็นเรื่องที่หน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลเรื่องด่านศุลกากร ควรเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งในแต่ละวันพบการขนย้ายเข้ามามาก “ นายบรรจง กล่าว
นายบรรจง กล่าวว่า ตอนนี้พ่อค้าข้าววิตกคือหากปล่อยให้ข้าวเพื่อนบ้านเข้ามาผสมกับข้าวไทย ไม่ว่าจะขายในประเทศหรือส่งออก หรือป้อนเข้าภาคอุตสาหกรรมเพื่อผลิตอาหารแปรรูปในระยะยาว ไม่แค่เป็นการละเมิดกฎหมาย จะกระทบต่อเอกลักษณ์และพันธ์ข้าวไทย รวมถึงหากเจอปัญหาสิ่งปลอมปนในข้าว เช่น ข้าวจีเอ็มโอ หรือ สารหนูปนเปื้อนแล้วหลุดไปต่างประเทศ โดยอิงว่าเป็นข้าวส่งจากไทย จะก่อความเสียหายมาก ทั้งการส่งออกและเกษตรกร ขณะที่ราคาข้าวไทยอาจไม่ได้สูงนักหากเทียบราคาข้าวในญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือจีน ที่มองกว่าไทย 200-300%ในขณะนี้
“ หากจำเป็นต้องนำเข้าเพราะผลผลิตไม่เพียงพอก็ควรมีการควบคุมดูแลและกำหนดการเข้าที่ ชัดเจนผ่อนปรนสั้นๆ จะได้ไม่กระทบต่อเกษตรกรไทย และไม่อยากให้ยึดเรื่องตัวเลขส่งออกว่าต้องให้ได้ 7.5 ล้านตัน หากปริมาณไม่พอแต่คงรักษาเอกลักษณ์ข้าวไทยและเกษตรกรไทยให้มั่นคงได้ จะคุมกว่าไหม เราห่วงกันว่าเมื่อความเชื่อมั่นข้าวไทยหายไป จะเกิดปัญหาในอนาคตผลิตแล้วไม่มีคนซื้อ ก็ล้นตลาดและราคาตกต่ำกลับมาซ้ำเติมอีก ตอนนี้โรงงานผลิตอาหารไทยรายใหญ่ซื้อข้าวเพื่อนบ้านแทนข้าวไทยเพราะอ้างเรื่องถูกกว่า ต้องการประหยัดต้นทุนผลิต ก็ยิ่งกดดันให้ราคาข้าวในประเทศไม่ได้ขยับได้เท่าที่ควร แม้มีการประกันราคาก็ได้รับส่วนต่างไม่ได้มากนัก เรื่องนี้โรงสีส่งสัญญาณให้ภาครัฐมาตลอดแต่ยังไม่ได้จริงจัง วิตกว่าล่าช้าอาจเหมือนปัญหาภัยแล้ง จะแก้ไขก็ยากขึ้น “ นายบรรจง กล่าว
