นักศึกษาช้ำ ลงพื้นที่ทำโปรเจ็กต์ ถูกนายก อบต.ไล่ออกหมู่บ้านยกห้อง ‘ฐานถ่ายภาพคนจน’

นักศึกษาช้ำ ลงพื้นที่ทำโปรเจ็กต์ ถูกนายก อบต.ไล่ออกหมู่บ้านยกห้อง ‘ฐานถ่ายภาพคนจน’

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ปี 3 คณะวิทยาศาสตร์ จำนวน 36 คน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากถูกนายก อบต.เสม็ด และผู้ใหญ่บ้านโคกใหญ่ ต.เสม็ด ทำหนังสือถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เพื่อยกเลิกไม่ให้นักศึกษาคณะดังกล่าวไปเก็บข้อมูลในหมู่บ้านอีกต่อไป

 

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน
โดยอ้างว่าทำให้หมู่บ้านได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง และไม่มีสัมมาคารวะ หลังจากนักศึกษาเอาภาพชาวบ้านในหมู่บ้านที่มีความเป็นอยู่ที่ยากไร้เอาไปลงในโลกออนไลน์ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบในหมู่บ้านเสม็ด ไปพบนายเหลิม ประทีบรัมย์ อายุ 71 ปี บ้านโคกใหญ่ หมู่ 9 ต.เสม็ด อ.เมือง และนางเภา ปริรัมย์ อายุ 70 ปี สองสามีภรรยา อาศัยอยู่ที่ดินว่างเปล่าท้ายหมู่บ้านเสม็ดจริง พร้อมกับหลานวัย 19 ปี พิการทางสมองมาตั้งแต่กำเนิด มีอาชีพเผาถ่านขาย ชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบากจริง และมีอีกประมาณ 4 ครอบครัวที่ปลูกเป็นกระท่อมพักอาศัยอยู่บริเวณนั้น

Advertisement

สอบถามนายเหลิมบอกว่า วันก่อนได้มีผู้ใหญ่บ้านและรองนายก อบต.เข้ามาพบ ถามว่า “ตาเป็นคนบอกให้นักศึกษามาถ่ายภาพใช่ไหม” ตนก็บอกว่าไม่ได้บอก เขามากันเอง จากนั้นผู้ใหญ่บ้านได้มอบข้าวสารอาหารแห้งจำนวนหนึ่ง ตนก็ดีใจ ส่วนชีวิตความเป็นอยู่ก็เท่าที่เห็น ได้รับเบี้ยคนชราและเบี้ยคนพิการของหลานเอามาใช้จ่าย และเผาถ่านเป็นรายได้เสริม ทำตามกำลังที่พอมีอยู่

จากการสอบถาม นายสุวโรจน์ เศรษฐธีรกุล อายุ 41 ปี ผู้ใหญ่บ้านโคกใหญ่ หมู่ 1 ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ตนกับนายก อบต.ได้ทำหนังสือถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อขอยกเลิกการให้นักศึกษามาเก็บข้อมูลในหมู่บ้าน ด้วยเหตุผลไม่ปฏิบัติตามข้อระเบียบของหมู่บ้าน ทั้งยังไม่มีการขอโทษที่เอาภาพไปลงเฟซบุ๊ก และไม่มีสัมมาคารวะ

ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 กล่าวด้วยว่า การเอาภาพดังกล่าวไปโพสต์เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง ก่อนหน้านี้ อสม.ในหมู่บ้านเคยเข้าไปสอบถามสองตา-ยายแล้ว แต่ได้รับคำตอบว่าไม่ขอรับสิ่งของใดๆ เพราะพอมีอยู่มีกินสบาย ได้ก๊งเหล้าทุกวัน จึงไม่มีการช่วยเหลือ ประกอบกับภรรยานายเหลิมมีทะเบียนบ้านอยู่ตำบลอื่น ไม่ใช่ตำบลเสม็ด จึงถือว่าเอาข้อมูลเท็จไปลงทำให้เสื่อมเสีย

Advertisement

ผู้สื่อข่าวสอมถาม น.ส.โม (นามสมมุติ) นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ คณะวิทยาศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ได้รับคำตอบว่า ก่อนหน้านี้พวกตนได้ขออนุญาตผู้ใหญ่บ้านโคกใหญ่เพื่อขอเข้าไปเก็บข้อมูลทุกด้านในหมู่บ้านเพื่อทำโปรเจ็กต์ส่งอาจารย์ก่อนปิดเทอม ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลานานร่วม 3 เดือน

กลุ่มพวกตนจำนวน 36 คนในห้อง ก็เข้าสอบถามชาวบ้านเพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ กระทั่งไปพบครอบครัวยากจน ไม่มีไฟฟ้าใช้ จึงเข้าไปถ่ายภาพแล้วเอามาลงเฟซบุ๊ก พร้อมกับเขียนข้อความว่า “ขอให้หน่วยงานช่วยเหลือก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ เพราะหน่วยงานบอกว่าต้องเดือดร้อน 5 หลังคาเรือน รบกวนพี่ๆ ช่วยแชร์หน่อยนะครับ สามารถช่วยเหลือได้นะครับ อินบล็อกผมมาได้เลยนะครับ มีเสื้อผ้าเก่าๆ น้ำดื่ม ข้าวสาร หรืออะไรก็ได้ที่ประทังชีวิตได้รับ ขอรบกวนหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ”

“หลังจากนั้น ได้มีคนเข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งรู้ถึงผู้ใหญ่บ้าน ก่อนจะมีการสั่งไม่ให้ลงพื้นที่อีก จริงๆ แล้วอีก 7 วัน โปรเจ็กต์ของพวกตนก็จะเสร็จสิ้น ยอมรับว่าเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องวิ่งหาหมู่บ้านอื่นมาทำโปรเจ็กต์ใหม่

“แต่ต้องใช้เวลาเพียง 7 วัน ที่จะต้องทำให้เสร็จสิ้น ถึงเวลานี้ไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆ อีก เพราะอาจารย์ผู้สอนได้หาหมู่บ้านใหม่ไปทำโปรเจ็กต์ให้แล้ว และไม่อยากต่อความยาวอีก” น.ส.โมกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image