เปิดใจ ‘นักสังคมสงเคราะห์’ ดีเด่น ปี 2562 อย่าหยุดแบ่งความสุขให้กระจายไป
ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดในแวดวงนักสังคมสงเคราะห์ กับรางวัล “นักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น” ซึ่งมีการคัดสรรและพิจารณาเป็นประจำทุกปี โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมนักสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ และเชิดชู ผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ที่เป็นแบบอย่าง
โดยปีนี้ มีผู้ปฏิบัติงานด้านสังคมสงเคราะห์ได้รับการคัดสรรกว่า 50 ท่าน ก่อนคัดเลือกเข้มข้นเหลือ 13 ท่าน ได้รับรางวัลนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น ประจำปี 2562 เนื่องในวันปกรณ์ 2563 โอกาสนี้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้เดินทางเป็นประธานพิธีมอบประกาศเกียรติคุณ ณ กระทรวง พม. สะพานขาว กรุงเทพฯ
เริ่มที่รางวัลประเภทนักสังคมสงเคราะห์อาสาสมัคร นางยุพา ล่ำซำ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ บริษัทเมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เล่าทั้งรอยยิ้มว่า เริ่มต้นเป็นนักสังคมสงเคราะห์ เพราะเพื่อนๆ ชวนมาทำงานที่สภาสังคมสงเคราะห์ฯ และด้วยดิฉันมีเวลาว่างช่วงกลางวัน จึงมาช่วยทำงาน พอมาก็ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น เริ่มรับรู้ความทุกข์ร้อนของผู้คน ดิฉันจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแบ่งปันสิ่งที่เรามีให้คนอื่นๆ ที่เดือดร้อนกว่า ช่วยให้เขามีรอยยิ้มและมีความสุข จึงเป็นผู้ให้มาตลอด
เป็นเวลา 30 กว่าปี เธอช่วยเหลือผู้ประสบความเดือดร้อนทุกอย่าง ตั้งแต่ให้เงิน ทุนการศึกษานักเรียนยากจน อุปกรณ์ประกอบอาชีพ กระทั่งกรมธรรม์ประกันชีวิตแก่ผู้ได้รับรางวัลแม่ดีเด่นและลูกกตัญญูเป็นประจำทุกปี อานิสงส์ตรงนี้ทำให้ลูกๆ อย่าง สาระ ล่ำซำ, นวลพรรณ ล่ำซำ ซึมซาบการเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ออกไปช่วยเหลือผู้ประสบความเดือดร้อน และสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมเช่นกัน
“ดิฉันอยู่ในฐานะที่ช่วยคนอื่นได้ จึงพยายามแบ่งปันความสุขของตัวเองให้กระจายไป แม้อายุ 79 ปี ซึ่งถือว่ามากแล้ว แต่ก็จะไม่หยุดที่จะให้ ฉะนั้นก็อยากชวนคนไทยที่พอจะมีฐานะ มาแบ่งปันความสุขให้กระจายไป เป็นสังคมแห่งการให้ไม่สิ้นสุด” นางยุพากล่าว
ส่วน นายศักดา สัจจะมิตร ชาวไทยเชื้อสายอินเดีย รับรางวัลเดียวกัน แต่มีจุดเริ่มต้นเป็นนักสังคมสงเคราะห์ จากการเห็น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงงาน จึงน้อมนำมาปฏิบัติตามกว่า 30 ปีแล้ว เล่าว่า รู้สึกปลื้มใจที่ได้รับรางวัลนี้ เพราะถือเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดของนักสังคมสงเคราะห์ แต่รางวัลก็ไม่ได้ทำให้มีความสุขที่ยั่งยืน กว่าการได้เห็นคนที่เราช่วยเหลือมีชีวิตที่ดีขึ้น
เขาอาสาตัวเองมาทำงานด้านสังคมเต็มตัว จากการเป็นประธานชมรมสันติสุขไทย-อินเดีย คอยระดมทุนจากนักธุรกิจอินเดียในไทย มาก่อสร้างอาคารเรียนตามภูมิภาคต่างๆ กรรมการมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย กรรมการมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยฯ และอีกหลายมูลนิธิสาธารณกุศล
“ทุกวันนี้ทำงานสังคมสงเคราะห์ตลอด 7 วัน ถามว่าเหนื่อยไหม ก็เหนื่อยนะ แต่ไม่ท้อ เพราะมีในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นแบบอย่าง ทรงงานช่วยเหลือราษฎรมากมาย ไม่เคยย่อท้อ ก็เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากพระองค์” นายศักดากล่าวด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
นางกนกรัตน์ เกื้อกิจ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ด้านสังคมและผู้เปราะบาง จังหวัดยะลา รับรางวัลประเภทนักสังคมสงเคราะห์วิชาชีพ เล่าว่า 23 ปีที่ทำงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ได้รู้ว่าที่นั่นมีปัญหาที่ซ้ำซ้อนและทับซ้อน การจะแก้ปัญหาจะต้องเข้าใจและมีความละเอียดอ่อนมาก ซึ่งโชคดีที่ดิฉันเกิด โต และทำงานในพื้นที่ จึงทำงานด้วยความรู้สึกที่อยากช่วยเหลือคนบ้านเราจริงๆ
“ทำงานตรงนี้ต้องเสียสละ มีเมตตา ต้องเชื่อว่าคนทุกคนสามารถแก้ไขและพัฒนาได้ ก็ดีใจว่าผลของการปฏิบัติงานวันนี้มีความก้าวหน้า ผู้หญิงมุสลิมเข้มแข็งขึ้น หลายคนก้าวขึ้นเป็นแกนนำต่อสู้สิทธิเอง เด็กและเยาวชนก็ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง สถานการณ์เริ่มสงบสุขปลอดภัยมากขึ้น” กนกรัตน์กล่าวทิ้งท้าย
