‘วิสาร’แฉ’เพื่อนเมียนายกฯ’ร่วมรุ่น บ.ย.ส. 15 เอี่ยวทุจริต’ไบโอแมทริกซ์’

“วิสาร”แฉ “เพื่อนเมียนายกฯ”ร่วมรุ่น บ.ย.ส. 15 เอี่ยวทุจริต “ไบโอแมทริกซ์”เตรียมยื่น ป.ป.ช.เอาผิดม. 157 “บิ๊กตู่” สงสัยเงินหมื่นล้านจาก 1MDB เข้ากระเป๋าใคร

เวลา 09.30 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เป็นรายบุคคลเป็นวันที่ 3 โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายศุภชัยได้ให้นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ที่เพิ่งได้รับการรับรองการเป็นส.ส.จากกกต. ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นนายเพชรภูมิเข้าร่วมการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทันที ทั้งนี้นายศุภชัยได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ฝ่ายรัฐบาลใช้เวลาไปแล้ว 1ชั่วโมง 17 นาที ฝ่ายค้านใช้เวลา 6 ชั่วโมง 24นาที ตามเวลาที่วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านได้ไปตกลงกติกาการนับเวลา และให้เริ่มนับเวลากันใหม่

จากนั้นเวลา 09.45 น. นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายไม่ไว้วางใจเกี่ยวกับโครงการจัดซื้อเครื่องไบโอแมทริกซ์ การตรวจลายนิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า ว่า มีความผิดปกติตั้งแต่สัญญาทีโออาร์ครั้งแรก ที่ตั้งงบไว้เพิ่ม 1,735 ล้านบาท แต่ได้ยกเลิกไป และออกสัญญาทีโออาร์ครั้งที่สอง โดยตั้งงบเพิ่มไว้ 2,126 ล้านบาท และให้เหตุผลว่าที่ยกเลิกครั้งแรก เนื่องจากไม่มีผู้รับเหมา อีกทั้งกำหนดว่าไม่ต้องมีการค้ำประกันและไม่ต้องมีผลงานมาก่อน ซึ่งเรื่องนี้ถ้าไม่มีผู้ใหญ่สั่งการ ทำไม่ได้ อีกทั้งยังมีการต่อรองขยายเวลาส่งมอบงานให้บริษัทในครั้งที่ 4 ถึงครั้งที่ 6 อีกด้วย

นายวิสาร กล่าวอีกว่า ในทีโออาร์ครั้งที่สองเป็นการร่วมกันของเป็นบริษัทร่วมค้า MT ระหว่างบริษัท เอ็มเอสซี สิทธิพล จำกัด กับบริษัท ไทยทรานมิชชั่น อินดัสทรี จำกัด แต่ปรากฏว่ามีการส่งงานล่าช้า จนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.)เสนอให้หน่วยงานราชการบอกเลิกสัญญากับกิจการร่วมค้านี้ และล่าสุด เมื่อวันที่2 ก.พ.62 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ให้แก้ไขสัญญาและเปลี่ยนแปลงสินค้าหลายรายการ สาระสำคัญคือนอกจากไม่ยกเลิกแล้วยังให้แก้ไขสัญญาในสาระสำคัญ มีการเปลี่ยนยี่ห้อจากของเยอรมันเป็นของอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งจากการตรวจสอบราคาหน้าเว็บไซต์สามารถซื้อได้113 ล้านบาท แต่กลับมีการตั้งราคาสูงถึง 714 ล้านบาท เท่ากับว่าเกิดส่วนต่างของการจัดซื้ออุปการณ์การจัดเก็บข้อมูล มีเงินหายไป 600 กว่าล้านบาท ซึ่งนายกฯต้องรู้ว่าเงินหล่นไปไหน

Advertisement

นายวิสาร กล่าวต่อว่า สำหรับบริษัท เอ็มเอสซี มีซีอีโอชื่อ ดร.วัชรี พรรณเชษฐ์ เป็นเจ้าของเดียวกับบริษัทวี สมาร์ท จากนั้นบริษัทดังกล่าวได้เข้าร่วมกับบริษัท ไทยทรานมิชชั่น แต่มีคนอยู่เบื้องหลังเชื่อมทั้งสองบริษัทนั้นอยู่ ซึ่งบุคคลทั้งหมดอยู่ในหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่น 15 มีทั้งวัชรี, นายวัฒน์ชัย เจ้าของบริษัท สามารถ และนายประวุฒิ ถาวรศิริ อดีตรองผบ.ตร. บุคคลเหล่านี้อยู่รุ่นเดียวกับมาดาม เป็นคนที่แฟมมารี่แมน แต่ท่านไม่เหมาะสมเป็นนายกของไทย แต่เชื่อในความเป็นผู้นำครอบครัวของท่าน

“สิ่งที่อยากเรียกถามคือมีข่าวออกมาตลอดว่าสัญญายกเลิกไม่ต้องมีค้ำประกัน ไม่ต้องมีเงินประกัน ไม่ต้องมีผลงาน บอกให้ยกเลิกสัญญา เครื่องไม่ดี เครื่องมีข้อบกพร่องก็ยังให้ต่อสัญญา ถึงเวลาจะต้องปรับอีก 500 ล้านบาท ก็ไม่ต้องปรับ เขาก็อ้างว่ามีมาดามหลังทำเนียบฯ ผมไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือ อาจารย์ไปต่างประเทศไปที่ไหนผมยกย่องเป็นกุลสตรี เป็นแบบอย่างที่ดีของสตรีไทย ผมเห็นท่านไปไหนก็พามาดามไปด้วย ผมดีใจเพราะจะได้ดูอบอุ่นเป็นครอบครัว เป็นผู้นำประเทศที่น่ายกย่อง แต่สิ่งที่ออกมาอย่างนี้นายกฯต้องชี้แจง ผมไม่ไว้วางใจจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตอบสังคมยาก เพราะผลประโยชน์อยู่ที่ไหนใครได้ และที่สำคัญคือ ชัดว่ามาดาม ก็เป็น บยส.รุ่น 15 หมายเลข 35 แต่ผมไม่ได้กล่าวหาท่าน เพราะนายกฯชี้แจงได้ คนไปกล่าวอ้างก็จะใช้คอนเน็คชั่นเหล่านี้ ผมยืนยันว่ามีอยู่จริงคนบางคนที่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ เข้าไปเรียนทุกหลักสูตร แต่ไม่ตั้งใจเรียน แต่เข้าไปคอคอนเน็คชั่นอย่างเดียว และวันนี้ใครๆ ก็อยากเรียน วปอ. เพราะทหารเป็นใหญ่ ทหารมีอำนาจ สั่งการได้ทุกอย่าง เข้าไปเรียนเพื่อต้องการใช้คอนเนคชั่นของผู้มีบารมี ศิษย์เก่าและผู้ใหญ่ในบ้านเมือง” นายวิสารกล่าว

นายวิสาร กล่าวอีกว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่บกพร่อง มีนอกมีใน ทำให้รัฐเสียหายแน่นอน ดังนั้นหลังจากที่อภิปรายจะร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จะเกี่ยวกับมาดามที่มีอิทธิพลหลังทำเนียบฯหรือไม่ ไม่ทราบ แต่นายกฯผิดพลาดแน่นอน คือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 เพราะตม.บอกให้ยกเลิกก็ไม่ยกเลิก แล้วยังเพิ่มเงินให้เขาอีก ยกเว้นข้อกำหนดจำนวนมาก

Advertisement

นายวิสาร กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญเครื่องมือ ไบโอแมทริกซ์วันนี้ใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะมีการพูดถึงคดีวันเอ็มดีบี ข่าวบอกว่าคู่กรณีผ่านด่านตลอด มีหมายจับจากมาเลเซีย เราก็ไม่จับเขา ให้เข้าออกบ้านเราหลายครั้ง ที่สำคัญมีหมายจับแดงจากสิงคโปร์ก็ไม่จับ ปล่อยให้เข้าออกหลายครั้ง ที่สำคัญโครงการนี้ นายกฯถูกกล่าวหาเสียหายไปทั่วโลก ตนก็ยังไม่เชื่อ ขอให้นายกฯใช้โอกาสนี้ชี้แจง เพราะท่านอยู่ไม่ได้ อยู่ได้ถึงปี 63 ก็เก่งมากแล้ว

นายวิสาร กล่าวต่อว่า ตนได้ข้อมูลมาว่า มีนายพ. มีบริษัทชื่อ ส. กับ ข. ชื่อจริง นามสกุลจริง อยู่ที่ตน สิ่งที่ตกใจมากกว่านั้นคือมีเงินโอนเข้ามาในบัญชีหมื่นกว่าล้านบาท มาอย่างไร มาจากวันเอ็มดีบีหรือไม่ ซึ่งบัญชีอยู่ที่ตน เงินหมื่นกว่าล้านบาทมาได้อย่างไร เพราะกฎธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า หากมีการโอนเงิน 2 ล้านบาท ต้องแจ้งที่มาที่ไปด้วย แต่นี้หมื่นกว่าล้านบาท บริษัทเดียว คนๆ เดียว เบอร์บัญชีก็มี เอามาทำอะไร แบบนี้ประเทศอยู่ได้หรือ ตนจึงนึกถึงว่าเป็นไปได้หรือไม่เลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นเงินเหล่านี้หรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image