ผู้คนกำลังวิตกว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยจะขยับพรวดจาก 45 คนขึ้นไปเป็นร้อยเป็นพันในพริบตา จึงได้แต่ตั้ง “ความหวัง” กับตั้ง “คำถาม” กับรัฐบาลว่า มีวิธีรับมือกับการกลับมาของ “ผีน้อย” ที่เหมาะสมอย่างไร
รัฐบาลเกาหลีใต้มี “วิสัยทัศน์” อ่านเกมคาดการณ์ได้แม่นยำจึงตัดสินใจเชิงนโยบายได้เฉียบคมด้วยการประกาศ ไม่เอาผิดไม่เอาโทษ และไม่ขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศกับ “แรงงานไทย” ที่ลักลอบเข้าเมืองแอบทำงานอย่างผิดกฎหมายหรือที่เรียกกันว่า “ผีน้อย” (ถ้าหากออกมารายงานตัวและสมัครใจกลับประเทศก่อนวันที่ 30 มิถุนายน 2563)
หลังจากนั้น ทางการเกาหลีใต้จะกวาดล้างแรงงานเถื่อน
เจอมุขนี้เข้า “ผีน้อย” ก็ค่อยๆ ทยอยกันออกมา ถึงตอนนี้อยู่ระหว่าง 5.000-10,000 คน
การเปิดประตูให้แรงงานไทยผิดกฎหมายเดินทางกลับประเทศส่งผลดีแก่เกาหลีใต้หลายต่อ
หนึ่ง เท่ากับว่าลดความเสี่ยงคนที่มีโอกาสติดเชื้อโควิด-19 สอง ลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ และสาม ลดภาระการรักษาพยาบาลถ้าหากพบว่าในแรงงานเหล่านั้นมี “ผู้ป่วย”
ผู้นำรัฐบาลเกาหลีใต้อ่านขาด มองทะลุ ตัดสินใจได้เฉียบคม !
ภาระตกแก่ประเทศไทย ที่เป็นจุดหมายปลายทาง
จึงมีคำถาม “ท่านเตรียมวิธีรับมือกับการกลับมาของผีน้อยกว่า 5 พันคนอย่างไร”
คำตอบที่ทำให้ผู้คนทั้งหลายถึงกับมึนงง คือบอกว่า “ไม่มีกฎหมายห้ามคนไปในพื้นที่สาธารณะ”
ไม่น่าจะเรียกว่า คำตอบ จากผู้มีหน้าที่บริหารประเทศ !
ดูเหมือนการรูดซิปปากน่าจะเป็นโซนที่ปลอดภัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เงียบสนิท ขณะที่ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข” ซึ่งชะตากรรมผลักไสให้เป็น “เจ้าภาพ” ก็ถึงกับช็อกเมื่อได้ยินตัวเลขผีน้อยราว 5 พันถึง 1 หมื่นคน จะเดินทางกลับจากเกาหลีใต้ที่ตอนนี้สถิติผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน
เจอมุขที่เกาหลีใต้ให้ผีน้อยสมัครใจกลับบ้าน ไทยก็ไปไม่เป็น
ได้แต่ให้รัฐมนตรีคมนาคมออกมาบอกว่า จะหารถไปรับที่สนามบินแล้วส่งกลับบ้าน
ให้เก็บตัวกันเอาเอง บ้านใครบ้านมัน
ผู้บริหารประเทศไทยทำได้เท่าที่เห็น เป็นวิธีรับมือกับสถานการณ์พิเศษแบบ “ตัวใครตัวมัน” รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดคน !?!!