เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ จ.ราชบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 30 เมษายน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ทำให้ประชาชนพยายามหาซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น มาม่า ปลากระป๋อง ข้าวสาร น้ำดื่ม ของแห้งอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะไข่ไก่ และไข่เป็ด ที่กำลังเป็นที่ต้องการของประชาชนจำนวนมาก ทำให้ขณะนี้เริ่มขาดตลาด และไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจแผงจำหน่ายหลายแห่งในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี พบว่า บางร้านได้ติดป้ายหยุดจำหน่าย เพราะไม่มีไข่ บางร้านนำมาวางจำหน่ายเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็หมดเกลี้ยง จนต้องพยายามสอบถามจากแผงขายใกล้เคียง และนำมาวางอีกรอบหนึ่งพร้อมนัดลูกค้ามาซื้อ โดยจำกัดคนละ 1 แผง บางคนมาไม่ทัน ก็จะสอบถามถึงช่วงเวลาการจำหน่ายไข่ของแต่ละวันว่าจะมาช่วงไหนบ้าง
น.ส.คมขำ เจียมสุภา อายุ 34 ปี แม่ค้าขายไข่ เปิดเผยว่า ที่ร้านจะขายไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่เค็ม และไข่เยี่ยวม้า ส่วนต้นทุนที่รับมาแต่ละชุดจะไม่เท่ากัน ถ้าต้นทุนรับมาแพงจะต้องขึ้นราคาตามต้นทุนไป สถานการณ์ที่ร้านช่วงนี้ไม่พอขาย ทางฟาร์มอยู่ระหว่างการจำแนกลูกค้าหลายราย เพราะมีทั้งลูกค้าประจำ และลูกค้าทั่วไป จะจัดสรรปันส่วนแบ่งให้ได้ทุกราย ส่วนของร้านตัวเองจะมาแบ่งให้กับลูกค้าที่มาซื้อ แต่ขอจำกัดคนละ 1 แผง เพื่อจะได้กระจายการบริโภคให้ทั่วถึงกัน
“อย่างวันนี้ได้ไข่มาเพียง 5,000 ฟอง เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.ขายหมดในเวลา 11.00 น.หรือไม่ถึง 3 ชั่วโมง เหลือเพียงไข่เค็ม และไข่เยี่ยวม้าที่ยังพอมีอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก โดยร้านจะบอกลูกค้าที่มาสอบถามว่าที่ร้านจะมีไข่มาทุกวัน แต่ไม่มาก ขอให้มารอลุ้นวันพรุ่งนี้ในช่วงเช้า คนไหนอยากได้ก็ให้มาตามเวลาที่บอกไว้ ประมาณ 08.30 น.และจะไม่รับจอง หรือรับมัดจำ เพราะร้านไม่มีไข่ ส่วนที่ร้านอื่นจะคล้ายๆ กัน คือ ไข่ไม่พอขายมาเป็นวันที่ 4 แล้ว ลูกค้ามาสอบถามทั้งวัน ส่วนราคาไม่สามารถระบุได้ เพราะต้นทุนไปรับมาแต่ละครั้งไม่เท่ากัน ร้านไม่มีกักตุน แต่ไก่เบ่งไม่ทันกับคนซื้อ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่ร้านช่วงนี้ จะมีลูกค้าขับรถยนต์ รถจักรยานยนต์แวะเวียนมาสอบถามกันทั้งวัน ลูกค้าคนไหนโชคดี มาช่วงจังหวะไข่มาพอดีก็จะได้ไข่กลับไป แต่คนไหนโชคไม่ดี ก็จะมาซื้ออีกครั้งในรอบถัดไป หรือต้องรอในวันอื่น” น.ส.คมขำ กล่าว
