“บิ๊กแต้ม”ซัด”อัจฉริยะ“ไร้เจตนาสุจริตตรวจสอบ เอาแต่ใส่ร้าย“จุรินทร์” ระบุพาณิชย์ดาหน้าแถลง“หน้ากาก 200 ล้านชิ้น”แล้ว แต่ยังโจมตี เมินฟังข้อเท็จจริง “เถยจิตไม่ถูกต้อง“
เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่กระทรวงพาณิชย์
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการกักตุนสินค้าและบริการหลังสถานการณ์ตามพรก.ฉุกเฉิน กล่าวถึง กรณีการที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานข่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมแจ้งความกลับเพื่อดำเนินคดีกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์โดยระบุข้อกล่าวหาว่าแจ้งความเท็จและความผิดมาตรา 157 อันเกี่ยวกับการทุจริตมิชอบนั้น ว่าเป็นการกล่าวหาซ้ำๆอย่างมีเจตนาบั่นทอนการทำงานและไม่ใช่เจตนาการตรวจสอบโดยสุจริตเหมือนเช่นคนอื่น ซ้ำยังเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาตามระบบกล่าวหาของกฎหมาย
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า นายอัจฉริยะนำข้อมูลเรื่องสต๊อกหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ซึ่งมีการกล่าวถึงกำลังการผลิตเมื่อก่อนวันที่ 30 มกราคม 2563 ก่อนที่กระทรวงพาณิชย์จะประกาศเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งนายอัจฉริยะเอาไปตีความกล่าวหาว่านายจุรินทร์ทุจริตแสวงหาผลประโยชน์ทั้งๆที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงกับสื่อมวลชน สาธารณะชน ที่ประชุมข้าราชการและคณะรัฐมนตรีสิ้นความแล้วว่า “คำว่า 200ล้านชิ้น” นั้นคือวัตถุดิบที่จะผลิตหน้ากากและสามารถจะใช้ผลิตเป็นเวลาหลายเดือน แต่ปรากฏว่านายอัจฉริยะไม่เคยตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฎเสียก่อน ไม่ว่าจะตรวจสอบจากรัฐมนตรี จากหน่วยงานข้าราชการ หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข ที่ดูแลด้านใบอนุญาตผ่านสำนักงานองค์การอาหารและยา หรือ อย. กระทรวงอุตสาหกรรมที่ดูแลด้านใบอนุญาตโรงงานอุตสาหกรรม และที่สำคัญที่สุดไม่เคยมีเอกสารใดๆขอตรวจสอบข้อเท็จจริงเลย
“นายอัจฉริยะกลับเอาคำว่ามีหน้ากาก 200 ล้านชิ้นที่มีการชี้แจงแล้วมาขยายผล แล้วกล่าวโจมตี นายจุรินทร์และคณะผ่านทางออนไลน์ซ้ำๆไม่ต่ำกว่า 5ครั้งและยังไม่นับการกล่าวหาในที่อื่นๆ ซึ่งการกระทำของนายอัจฉริยะบอกให้เห็นว่าการตรวจสอบนั้นไปสู่ในทางไม่สุจริตและมีเถยจิตที่ไม่ถูกต้อง” พล.ต.ต.วิชัย กล่าว
คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แต่ถ้านายอัจฉริยะมีการตรวจสอบตามขั้นตอนก็จะทราบว่าไม่มีพฤติกรรมการทุจริตหรือการประพฤติมิชอบเกิดขึ้นที่นี่ และในทางกลับกันการกระทำของนายอัจฉริยะก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวรัฐมนตรี ต่อกระทรวงพาณิชย์ และที่สำคัญที่สุดคือสร้างความปั่นป่วนบั่นทอนการบริหารงานรัฐบาลในสถานการณ์วิกฤติ ซ้ำยังมีพฤติกรรมซ้ำซากปราศจากหลักฐานขณะเดียวกันก็ไม่ยอมรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงใดๆแต่กลับใช้แต่เพียงลมปากอย่างปราศจากความรับผิดชอบต่อสังคมและข้อเท็จจริง นายจุรินทร์จึงมีความจำเป็นต้องร้องทุกข์กล่าวโทษกับนายอัจฉริยะตามความผิดของกฎหมาย
แล้วต่อมาไม่กี่วันนี้ นายอัจฉริยะได้มาแจ้งความกับนายจุรินทร์อ้างว่านายจุรินทร์แจ้งความเท็จ ตามด้วยกล่าวหาตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ตนมีความเห็นว่าไม่น่าจะเป็นความถูกต้อง เพราะมาตรา 157 มีหัวใจว่าข้าราชการนั้นจะต้องประพฤติมิชอบ ทำให้ราชการเสียหาย และการกระทำนั้นต้องเป็นการทุจริตแต่นายจุรินทร์ไม่ได้กระทำการทุจริตแม้แต่น้อยเลย นอกจากนั้นหากติดตามผลงานของนายจุรินทร์ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนโครงการประกันรายได้เกษตรกร โครงการช่วยกำหนดราคารับซื้อขนะกระดาษของอาชีพซาเล้ง โครงการจัดการส่งออกสินค้าเกษตร โครงการลดค่าครองชีพช่วยประชาชนทุกโอกาสแม้แต่ในขณะนี้ จะเห็นได้ว่ารัฐมนตรีจุรินทร์มีความตั้งใจทำงานเพื่อการช่วยเหลือประชาชนและไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อยตลอดเวลาการดำรงตำแหน่ง