ท่าทีของรัฐบาลต่อการออกมารับบริจาค ไม่ว่าจะเป็นเงิน ไม่ว่าจะ เป็นข้าวของ เครื่องใช้ มีความละเอียดอ่อน ทรงความหมายและมีความสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏขึ้น ณ กระทรวงการคลัง ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏขึ้นตามชุมชนต่างๆ
ทั้งใน “ส่วนกลาง” และ “ส่วนภูมิภาค”
แม้จะมีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจัดระเบียบ แม้จะมีการสั่งการให้เทศกิจเข้าไปแสดงบทบาทในการควบคุม แต่เสียงร้องของเจ้าหน้าที่น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
การกำหนดจุดรับบริจาคมากกว่า 70 จุดเฉพาะในกทม.คือ ภาพฟ้อง
ภาพฟ้องถึงสภาพความเป็นจริงในทาง”เศรษฐกิจ”
แรกที่มีการประกาศและบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินอันเป็นมาตร การ”เข้ม”ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด รัฐบาลยก สโลแกน “สุขภาพเหนือเสรีภาพ”ขึ้นมาเป็นธง
เป้าหมายก็รู้กันว่าเพื่อ “ป้องปราม” กระแสต่อต้านและคัดค้านในทาง “การเมือง”
แต่ผลตามมากลับกลายเป็นประเด็นในทาง”เศรษฐกิจ”
เพราะมาตรการปิดกิจการทำให้กิจการในทางธุรกิจต้องหยุด ชะงักไปโดยฉับพลัน ผลก็คือ คนตกงานเรือนแสนโดยอัตโนมัติ รูปธรรมก็คือ การทะลักออกต่างจังหวัด
ความเป็นจริงที่ประสบในปัจจุบันจึงมิใช่ผู้ประกอบรายใหญ่ รายย่อมเท่านั้นที่เดือดร้อน หากแม้กระทั่งชาวบ้าน ลูกจ้างแรงงานก็ต้องหน้าเหี่ยวเพราะไม่มีงาน ไม่มีเงิน
ภาพคนเข้าแถวยาวเหยียดเป็นกิโลจึงเริ่มปรากฏและไม่มีทีท่าว่าจะหายไป
ปัญหาที่เผชิญกับรัฐบาลและประชาชนในขณะนี้คือปัญหาและผลสะเทือนอันเนื่องจากเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ เป็นความจริงที่โหดร้ายอย่างที่สุด
ปัญหาสำคัญก็คือ เมื่อขาด”ธุรกรรม”ก็ขาดการหมุนเวียนใน ทางเศรษฐกิจ
เมื่อคนไม่มี “งาน” ก็ไม่มี “รายได้” ก็ไม่มี “เงิน”
คนจำนวนหนึ่งที่มีเงินอยู่ในมืออาจไม่เดือดร้อน แต่คนที่หาเช้ากินค่ำก็ย่อมจะหมดอนาคตและอยู่ในภาวะอับจน สิ้นหวังโดยสิ้นเชิง
ปัญหา”เศรษฐกิจ”ต่างหากคือความหนักหนาอย่างสาหัส