นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ประจำเดือนเมษายน 2563 ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 26 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทยภายใต้ พ.ร.บ.ต่างด้าวฯ โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากญี่ปุ่น จีน และเนเธอร์แลนด์ มีเงินเข้ามาลงทุนกว่า 1,318 ล้านบาท และจ้างงานคนไทย 841 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการขุดเจาะและการใช้สลิงสำหรับขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบการทำงานของเครื่องกำเนิดไอน้ำ ที่ใช้หลักการแลกเปลี่ยนความร้อน องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเงิน (Fintech) และระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ (Block chain) องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์แบบปราศจากใยหินองค์ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางด้านรังสี และการเดินเครื่องฉายรังสี
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่ ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม 6 ราย จากญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์แอนทิลลีส เงินลงทุน 164 ล้านบาท ธุรกิจนายหน้า ค้าปลีก ค้าส่ง 9 ราย ส่วนใหญ่จากญี่ปุ่น เยอรมนี และ เนเธอแลนด์ มีเงินลงทุน 578 ล้านบาท คู่สัญญากับเอกชน 6 ราย ส่วนใหญ่จากจีน ญี่ปุ่น และฮ่องกง มีเงินลงทุน494 ล้านบาท คู่สัญญาช่วงภาครัฐ 1 ราย จากฝรั่งเศส มีเงินลงทุน 3 ล้านบาท ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า 4 ราย จากญี่ปุ่น ฮ่องกง และมาเลเซีย ลงทุน 79 ล้านบาท
นายวุฒิไกร กล่าวว่า ทำให้ 4 เดือนแรกปีนี้ คนต่างด้าวได้รับใบอนุญาตรวม 92 ราย มีเงินลงทุน 3,328 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนธุรกิจเพิ่มขึ้น 23 ราย คิดเป็น 33% โดยมีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจ อาทิ บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการขุดลอกบำรุงรักษาร่องน้ำและแอ่งจอดเรือที่บริเวณท่าเทียบเรือ บริการออกแบบ จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ ก่อสร้าง ติดตั้ง และทดสอบโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม บริการจัดหา ติดตั้ง ตรวจสอบ และทดสอบอุปกรณ์โทรคมนาคม เป็นต้น