“มาม่า”เผยโควิด-19 กระตุ้นตลาดบะหมี่สำเร็จรูปทะลุ2.2หมื่นล.ครั้งแรก

นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป”มาม่า” เปิดเผยว่า บริษัท ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และร้านค้าปลีก ภายใต้โครงการ”พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน ” นำมาม่าอัพทุกรสชาติ จำหน่ายในราคา 10 บาทต่อถ้วย จากราคา 13 บาท ตลอดเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นครั้งแรกของมาม่าอัพในการลดราคา และบริษัทจะเสียรายได้ 50 ล้านบาท ที่จะประหยัดให้กับประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด-19ระบาด

นายเวทิต กล่าวว่า ยอมรับว่ายอดขายมาม่าเพิ่มสูงขึ้นมากในระยะแรกของการระบาดของโวรัสโควิด-19 ในไทย โดยไตรมาสแรกปีนี้ มาม่าแบบซองโต 20% แบบถ้วยโต 10% เฉลี่ยทุกแบบโต 8% โดยมาม่ามีแชร์ประมาณ 50% ของตลาดรวมทุกยี่ห้อ และที่เกิดขึ้นครั้งแรกคือมูลค่าตลาดรวมปีนี้เพิ่มเป็น 22,000 ล้านบาท จากปีก่อน 19,000 ล้านบาท ถือว่ามากสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยหลักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และรัฐมีมาตรการล็อกดาวน์อยู่บ้าน ทำให้เกิดการซื้อมากกว่าปกติ เฉพาะแบบถ้วยยอดขายสูงถึง400 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งมาม่ามีแชร์ 55%

นายเวทิต กล่าวว่า การระบาดของโควิด ทำให้สถานการณ์การค้าและพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไปมาก วิถีปกติใหม่(นิว นอร์มอล)จะมาแทนที่และมีอิทธพลต่อการเปลี่ยนแปลงทุกด้าน ทั้งการผลิต การค้า ตลาดแรงงาน ซึ่งขณะนี้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยก็กำลังศึกษาว่านิวนอร์มอลจากนี้คืออะไร เพื่อให้รัฐบาลได้มีการกำหนดแนวทางและขับเคลื่อนให้ตรงเป้าหมายในอนาคต ภาพอุตสาหกรรมเดิมที่จะผลักดันต้องปรับใหม่รวมถึงนิวเอสเคริ์ฟ

นายเวทิต กล่าวว่า มีความเห็นสอดคล้องกับนายกรัฐมนตรีที่คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอีกใน 2-3 เดือนข้างหน้า แต่จะฟื้นตัวแบบใดเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีความกังวลต่อการกลับมาระบาดของโควิดในระลอก2ได้อีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันป้องกันเข้มงวด ส่วนครึ่งหลังปี2563เศรษฐกิจจะขยายตัวได้แค่ไหน ขึ้นกับรัฐบาลอัดฉีดและใช้มาตรการกระตุ้นที่ตรงกับเป้าหมายได้แค่ไหน

Advertisement

” สหพัฒน์ใช้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในการปรับแนวทางธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์โดยชลอการลงทุนใหม่ แต่หันไปลงทุนวางระบบคลังสินค้าและโลจิสติกส์ด้วยเทคโนโลยีรองรับพฤติกรรมซื้อสินค้าจากออนไลน์และดิลิเวอรี่มากขึ้น ล่าสุดได้ลงทุนทำคลังสินค้าเป็นคลังสินค้าอีคอมเมิร์ช และย้ายจากถนนพระราม3 มาอยู่ที่ถนนร่มเกล้า ในไตรมาส3/2563 และทำคลังใหญ่แบบเดียวกันที่ศรีราชา ที่จะเปิดปี2564 และได้จัดตั้งทีมนิวนอร์มอล เพื่อศึกษาวิถีการใช้ชีวิตใหม่และนำมาปรับธุรกิจให้เข้ากับความต้องการของตลาด ทั้งนี้ ไตรมาสแรกกลุ่มสินค้าอาหารยังโตได้ดีถึง 15% สูงกว่ากลุ่มไม่ใช่อาหารเติบโตเพียง 2% ทำให้ดึงยอดขายเฉลี่ยโต 7-8% ” นายเวทิต กล่าว

 

 

Advertisement

 

 

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image