‘แอสเสท เวิรด์’ เปิดงบไตรมาสแรก รายได้หายกว่าพันล้าน กำไรสุทธิเหลือ 108.2 ล้านบาท

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด(มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/2563 เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายของทุกภาคส่วน ด้วยผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 108.2 ล้านบาท ลดลงจาก 243 ล้านบาท หรือ 55.6% หากเทียบกับเดียวกันของปี 2562 และมีรายได้รวม 2,512.9 ล้านบาท ลดลงจาก 3,623.0 ล้านบาทหรือ 30.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มลดลงกว่า 80% และมาตรการเข้มงวดจากทางภาครัฐในการปิดสถานประกอบการ รวมถึงโครงการศูนย์การค้า เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องประกาศมาตรการปิดให้บริการโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าต่างๆ ชั่วคราว รวมถึงมาตรการอื่นๆ เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้เช่า แต่บริษัทฯยังคงได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและสมดุลเชิงธุรกิจ ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงได้ สะท้อนจากธุรกิจอาคารสำนักงาน ที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานของสินทรัพย์ดำเนินงาน โดยในไตรมาส 1/2563 บริษัทฯยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานของสินทรัพย์ดำเนินงาน อยู่ที่1,184.9 ล้านบาท ซึ่งแบ่งสัดส่วนเป็นธุรกิจโรงแรมและการบริการ 38.8% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประกอบกิจการการค้า 21.8% และธุรกิจอาคารสำนักงาน 39.4%

นางวัลลภากล่าวว่า บริษัทฯได้ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ทำให้ค่าใช้จ่ายการบริหารส่วนกลางในช่วงไตรมาส 1 เท่ากับ 127.0 ล้านบาท ลดลง 37.1% จาก 202.0 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมในช่วงไตรมาส 1 เท่ากับ 1,364.0 ล้านบาท ลดลงจาก 1,572.1 ล้านบาท หรือ 22.1% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทฯมีอัตราส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่ายของรายได้ เท่ากับ 38.8% ลดลงเพียง 0.7% จากไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า แม้จะมีรายได้ลดลงจากเหตุผลข้างต้น และมีอัตรากำไรสุทธิ 4.3% เทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 6.7%

จากโควิด-19 ที่ยังไม่มีความแน่นอน บริษัทฯจะยังคงดำเนินมาตรการควบคุม และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน และเพิ่มประสิทธิผลให้สอดคล้องไปกับแผนกลยุทธ์หลักทางธุรกิจขององค์กร รวมทั้งการพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับบริษัท พนักงาน นักลงทุน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง สู่เป้าหมายการเป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ก้าวหน้า และเติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 นี้ไปด้วยกันได้อย่างดีที่สุดนางวัลลภากล่าว

นางวัลลภากล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจต่างๆ แบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ มีรายได้จากสินทรัพย์ดำเนินงาน อยู่ที่ 1,534.6 ล้านบาท ลดลงจาก 2,404.0 ล้านบาท หรือ 36.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ มีรายได้จากสินทรัพย์ดำเนินงานอยู่ที่ 1,014.3 ล้านบาท ลดลง 10.9% จาก 1,138.5 ล้านบาท แต่กลุ่มอาคารสำนักงานยังคงสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและต่อเนื่องได้ ซึ่งช่วยรักษาระดับรายได้รวมของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์จากกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการลงทุนที่หลากหลายและสมดุลเชิงธุรกิจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทฯได้ลงทุนรวม 25,785.6 ล้านบาทในส่วนของโครงการอสังสหาริมทรัพย์จำนวน 12 โครงการ ซึ่งจะเพิ่มจำนวนห้องพักในโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วรวม 989 ห้องในทันที และจะเพิ่มห้องพักอีกมากกว่า 2,500 ห้อง จากโครงการที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือพัฒนา พร้อมทั้งศักยภาพในการพัฒนาโครงการค้าปลีกในอนาคต ทำให้บริษัทฯมีสินทรัพย์รวม วันที่ 31 มีนาคม 2563 มูลค่า 124,921.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 109,158.0 ล้านบาท หรือ 14.4% เมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์รวม วันที่ 31 ธันวาคม 2562

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image