นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ลีซอิท (LIT) ผู้ให้บริการสินเชื่อธุรกิจเพื่อ SMEs ประเภท Non-Bank เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2563 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563) บริษัทฯมีรายได้รวม 103.82 ล้านบาท ลดลง 7.16% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 111.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.36 ล้านบาท ลดลง 40.65% จากงวดไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 32.62 ล้านบาท ขณะที่พอร์ตลูกหนี้สินเชื่ออยู่ที่ 2,649.28 ล้านบาท และมียอดปล่อยสินเชื่อ 2,080.66 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัทฯได้เพิ่มมาตรการในการคัดกรองและพิจารณาลูกค้าอย่างเข้มงวดเพื่อให้สอดคล้องสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ประกอบกับการบังคับใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 บริษัทฯจึงได้เพิ่มการตั้งสำรองให้สูงขึ้นเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจในอัตรา 13.74% ของพอร์ตลูกหนี้คงค้าง เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน โดยบริษัทยังสามารถดำเนินการให้บริการสินเชื่อกับลูกค้า SMEs ได้อย่างต่อเนื่องและไม่สะดุด
อย่างไรก็ตาม LIT ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้า SMEs ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการล่าช้าในการส่งมอบงานและบริการต่างๆด้วยการพักชำระเงินต้นเป็นระยะเวลาสูงสุด 3 เดือน
นายสมพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ให้ความสำคัญในช่องทางดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ทำให้ในไตรมาสที่ 1/2563 มีสัดส่วนลูกค้าจากช่องทางนี้ คิดเป็น 32% ของจำนวนรายลูกค้าใหม่ทั้งหมดซึ่งบริษัทฯ มองว่า ช่องทางดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อให้กับลูกค้า SMEs ล่าสุดบริษัทฯจึงออกแคมเปญ “อยู่บ้านก็สมัครสินเชื่อผ่าน www.leaseit.co.th ได้” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าสมัยใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีในสถานการณ์เช่นนี้
“ภาพรวมครึ่งปีแรก หากสถานการณ์การระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ธุรกรรมทางเศรษฐกิจก็น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นและมีโอกาสที่กลุ่มลูกค้าSMEs จะมีความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น คาดการณ์ว่าภาครัฐจะต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีกับบริษัทฯ เพราะเราเน้นให้บริการสินเชื่อเพื่อคู่ค้าภาครัฐ” นายสมพล กล่าว
