ตร.เดินหน้าสอบสวนต่อ ‘#ตามหาความจริง’ ถึง ‘ก้าวหน้า’ แสดงตัว รองโฆษกชี้ฟ้องใครต้องมีหลักฐาน

ตร.ยังเดินหน้าหาพยานหลักฐานเอาผิดคนยิงเลเซอร์ ‘#ตามหาความจริง’ แม้คณะก้าวหน้าออกตัวว่าอยู่เบื้องหลัง รองโฆษก ตร.บอกจะฟ้องใครต้องมีหลักฐาน

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 12 พฤษภาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีกลุ่มคนฉายข้อความด้วยลำแสงเลเซอร์ในหลายสถานที่สำคัญทั่วกรุงเทพฯ ระบุว่า “#ตามหาความจริง” ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ร่วมกันเฝ้าติดตามสถานการณ์ เท่าที่ทราบในช่วงเดือนนี้มีผู้ที่ต้องการให้สังคมเกิดความสับสน หรือนำเรื่องของคดีความที่ถึงที่สุดแล้วนำมาเล่าให้ประชาชนฟังใหม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาความผิดที่เกิดขึ้น และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า การค้นหาความจริงทุกเรื่องกระบวนการที่มีคำตอบในตัวเองและมีช่องในการติดตาม ขณะนี้รัฐบาลร่วมมือป้องกันแก้ไขปัญหาระบาดไวรัสโควิด-19 อยากจะฝากผู้ที่ทำอยากให้ไปดูการกระทำมันสุ่มเสี่ยงกฎหมายด้วย ส่วนที่พรรคการเมืองหนึ่งออกมาแถลงเบื้องหลังวิดีโอของการยิงเลเซอร์นั้น การพิสูจน์ทราบการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว กำลังให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ใครกระทำความผิด ผิดกฎหมายใดบ้าง ดำเนินการตามขั้นตอนปกติ เหมือนกับการกระทำความผิดอาญาทั่วไป แม้ว่าจะมีผู้ที่ออกมายอมรับว่าลงมือกระทำความผิดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะฟ้องใครต้องมีหลักฐานอื่นมาประกอบด้วย ลำพังแค่คำให้การและคำรับสารภาพมันไม่พอ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่เพียงพอที่จะเชิญตัวมาให้ปากคำได้หรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า กำลังดูอยู่ว่าเพียงพอหรือไม่ นอกจากสิ่งที่ปรากฏจะต้องมีหลักฐานทางฝ่ายสืบสวน พนักงานสอบสวนและส่วนที่เกี่ยวข้องกับการข่าวหามาเพิ่มเติมด้วย ส่วนจะเข้าข่ายข้อหาใดอยู่ระหว่างพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อย่างที่ทราบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังใช้เดือนนี้เป็นแคมเปญในการทำให้พี่น้องประชาชนได้รำลึกเหตุการณ์เมื่อปี’53 มีเจตนาชัดเจนอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่มีการข่าวเก็บข้อมูลตลอดเวลา พร้อมกันนี้ยังมีผู้มาให้ข้อมูลอยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน

“ในด้านความมั่นคง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.กำกับดูแล โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ ผบ.ตร.เป็นห่วงผู้ที่ทวงถามความเป็นจริงในลักษณะแบบนี้มันมีคำตอบทางกระบวนการยุติธรรมอาญาอยู่แล้ว ผู้ที่ออกมากระทำในลักษณะแบบนี้ต้องดูว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูล ยุยงปลุกปั่นหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานประเด็นใดมีความผิดตามกฎหมายใดก่อน อะไรที่มีความผิดชัดเจนดำเนินคดีได้ก็ดำเนินคดีไปก่อน ผิดก็ว่ากันไปตามผิด” พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว

Advertisement

รายงานจากคณะทำงานสืบสวนสอบสวนเผยว่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างการประชุมร่วมระหว่างทหารและตำรวจ เพื่อแบ่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปรับผิดชอบดูแลเรื่องการสืบสวนกับเรื่องข้อกฎหมายว่าการฉายแสงเลเซอร์แบบนี้มีความผิดใดที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งยังต้องตรวจสอบถึงพฤติกรรมว่าเข้าข่ายการฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือเป็นการปลุกระดมหรือไม่ ส่วนการที่มีคณะก้าวหน้าได้ออกมายอมรับว่าเป็นผู้ฉายโปรเจ็กเตอร์นั้น ยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันชัดเจน ต้องรวบรวมอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีบุคคลรายหนึ่งเป็นช่างภาพอิสระได้ร่วมฉายเลเซอร์บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น ส่วนนี้ต้องขอตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image