ธปท.ดึงแบงก์ปรับโครงสร้างหนี้ช่วยลูกหนี้รายย่อยช่วงโควิด -19  ‘ลดดอกเบี้ย-ยืดหนี้-ลดค่างวด’

ธปท.เผยออกมาตรการช่วยลูกหนี้รายย่อยไปแล้ว 13.08 ล้านราย วงเงิน 4.6 ล้านล้านบาท -ปล่อยกู้ซอฟท์โลน์ให้เอสเอ็มอีไปกว่า 4 .9 หมื่นล. จากวงเงิน 5 แสนล.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานแถลงข่าวศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2563 ว่า การระบาดของโควิด-19 กระทบกับเศรษฐกิจและระบบการเงินของไทยอย่างมาก ซึ่ง ธปท. ไม่ได้นิ่งเฉยได้มีการออกมาตรการช่วยเหลือภาระหนี้ของประชาชนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย 2 มาตรการสำคัญ

นายรณดล กล่าวว่า มาตรการที่ 1 เป็นมาตรการช่วยเหลือรายย่อย เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อเงินสด สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์  มีการดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายน ได้รับร่วมความร่วมมืออย่างดีจากสถาบันการเงิน ทั้งธนาคารพาณิชย์ ธนาคารของรัฐ และนอนแบงก์ ช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น ลดดอกเบี้ย ลดเงินต้น ชะลอพักเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน โดยในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิตผ่อนผันการเงินงวดในการชำระสินเชื่อขั้นต่ำจาก 10% ให้เหลือ 5% ของหนี้ที่ค้างชำระ ส่วนเงินคงค้างที่เหลือจะมีการขยายเวลาผ่อนเป็น 48 เดือน รวมถึงมีการลดดอก 18% เหลือ 12%

สำหรับขณะที่สินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับเงินสดหมุนเวียนขยายเวลาผ่อน 48 เดือน ลดดอกเบี้ยลงเหลือ 22% และพักเงินต้นและดอกเบี้ยอีก 3 เดือน เป็นต้น ส่วนสินเชื่ออื่น ๆ พักเงินต้นและดอกเบี้ย รวมถึงขยายเวลาผ่อนชำระ และลดค่างวด ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสถาบันการเงินในการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยกลุ่มนี้

Advertisement

นายรณดล กล่าวต่อว่า ข้อมูลล่าสุด พบว่า มีการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มนี้แล้ว 13.08 ล้านราย วงเงิน 4.6 ล้านล้านบาท เป็นรายย่อย 13.01 ล้านราย จำนวนเงิน 3.4 ล้านล้านบาท และธุรกิจรายใหญ่-เอสเอ็มอี 6.8 หมื่นราย วงเงิน 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งการช่วยเหลือนั้นเป็นมาตรการชั่วคราวพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3-6 เดือนเท่านั้น

ทั้งนี้สิ่งที่ ธปท. อยากเห็นคือ การช่วยเหลือดูแลลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลูกหนี้ในช่วงโควิด-19 หมายความว่า การปรับโครงสร้างหนี้ต้องคำนึงถึงรายได้ที่จะได้รับจากลูกหนี้ในช่วงต่อจากนี้ไป การปรับโครงสร้างหนี้จะเกี่ยวข้องกับการลดดอกเบี้ย การยืดเวลาชำระหนี้ และการลดค่างวด หลังจากนี้ ธปท. จะร่วมมือกับสถาบันการเงินในการดูแล เจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้รายย่อยทั้งหมด

นอกจากนี้ ธปท. มีมาตรการดอกเบี้ยผิดชำระหนี้ เริ่มมาตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมาปรากฏว่าเวลาลูกหนี้มีดอกเบี้ยผิดชำระ วิธีการคำนวณของแบงก์ก็จะคำนวณจากยอดเงินต้นคงเหลือทั้งหมด ไม่ว่าจะค้างชำระกี่งวด ก็จะนำเงินต้นที่ค้างชำระทั้งหมดมาคำนวณดอกเบี้ยค้างชำระ ซึ่งตรงนี้ ธปท. เห็นว่าไม่น่าจะเป็นธรรม เพราะดอกค่อนข้างสูง ดังนั้นตั้งแต่ 1 พฤษภาคม กำหนดให้คำนวณดอกเบี้ยผิดชำระหนี้ใหม่ โดยให้คำนวณเฉพาะเงินต้นในงวดที่ผิดนัดชำระหนี้เท่านั้น ไม่ให้เอาเงินต้นที่คงเหลือทั้งหมดมาคำนวณ จะทำให้ภาระหนี้ของลูกหนี้ลดลงอย่างมาก  เช่น สินเชื่อบ้าน 5 ล้านบาท ถ้าผิดนัดชำระเสียดอกเบี้ย 2.7 หมื่นบาท เป็นดอกเบี้ยปรับ แต่วิธีใหม่คำนวณแค่เงินต้นในงวดนั้นเพียง 1 หมื่นบาท เท่ากับว่าเสียดอกเบี้ยผิดนัดชำระเพียง 57 บาทเท่านั้น

Advertisement

นายรณดล กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการที่ 2 ซอฟท์โลน 5 แสนล้านบาท เพิ่งออกมาปลายเดือนเมษายน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้เอสเอ็มอี โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีการผ่อนมาตรการต่าง ๆ มาตรการเสริมสภาพคล่องในการนำเงินมาใช้ซื้อวัตถุดิบจะมีความจำเป็น ล่าสุด มีผู้เข้ามายื่นกู้แล้ว 4.93 หมื่นล้านบาท โดยเป็นจำนวนลูกหนี้ 2.86 หมื่นราย คิดเป็นสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 1.7 ล้านบาทต่อราย มีการกระจายตัวดี 72% เป็นธุรกิจขนาดเล็กวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท ธุรกิจค้าส่ง ค่าปลีก 49% กระจายตัวตามต่างจังหวัดเป็นอย่างดี

“ซอฟท์โลนที่ออกไปแล้ว 4.9 หมื่นล้านบาท รวมกับ ซอฟท์โลนออมสินออกไปแล้ว 5.5 หมื่นล้านบาท รวมกว่า 1 แสนล้านบาท แต่ยังมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ยังต้องการสินเชื่อซอฟท์โลน ดังนั้นสิ่งที่ ธปท. ได้ดำเนินการควบคู่ไป คือ ได้กำชับสถาบันการเงิน โดยพาะสถาบันการเงินที่มีโครงสร้างลูกหนี้เอสเอ็มอีขนาดใหญ่ให้เร่งติดต่อลูกค้าเพื่อยื่นเอสเอ็มอี และประสานงานกับสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เร่งให้สมาชิกของสมาคมเข้ามายื่นขอซอฟท์โลนจากสถาบันการเงิน” นายรณดล กล่าว

นายรณดล กล่าวว่า ขอประชมสัมพันธ์ ธปท. เปิดตัว เว็บไซด์ BOT COVID-19 รวบรวมข้อมูลมาตรการช่วยเหลือจากทุกสถาบันการเงิน ให้สามารถค้นหา เปรียบเทียบ ศึกษาเงื่อนไขของมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ รวมทั้งประชาชนสามารถที่จะดูรายละเอียดของสถาบันการเงินว่ามีมาตรการอะไรที่เกี่ยวข้อง และสามารถเข้าไปติดต่อกับสถาบันการเงินโดยตรง

ทั้งนี้ มาตรการต่าง ๆ หากประชาชนโดยเฉพาะลูกหนี้ของสถาบันการเงิน ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเท่าที่ควร ประชาชนสามารถติดต่อสถาบันการเงิน หรือติดต่อศูนย์ ศคง. เบอร์ 1213 ในเวลาราชการ และมีช่องทาง คือ ทางด่วนแก้หนี้ สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดและเข้าไปกรอกข้อมูลของท่าน และทางด่วนนี้จะส่งข้อมูลไปยังสถาบันการเงินเพื่อดูแลอย่างรวดเร็ว

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image