ปธ.หอค้าไทย หนุนเวิร์กฟรอมโฮมถึงมิ.ย. ชี้ห่วงโควิดระลอก2 เร่งดึงธุรกิจ-รัฐสร้างมาตรฐานนิวนอร์มอล
ที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังสัมมนาผ่านระบบออนไลน์ในหัวข้อ”เปิดเมือง ปลอดภัย ร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ด้วยวิถีธุรกิจแบบใหม่” ว่า จากการสำรวจหลังรัฐบาลปลดล็อกให้ธุรกิจเปิดให้บริการแล้ว 2 เฟส พบว่า ประชาชนเริ่มออกมาใช้จ่ายมากขึ้น และคงระมัดระวังต่อการดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเบื้องต้นได้เพิ่มเงินสะพัดในระบบกว่า 1 หมื่นล้านบาทแล้ว
ทั้งนี้ หากการแพร่ระบาดไม่ได้เพิ่มขึ้นเชื่อว่าอีก 14 วันหลังเปิดเฟส 2 ก็จะเปิดเฟส3 ให้กับธุรกิจที่เหลือที่ไม่มีความเสี่ยง ก็คงเหลือธุรกิจหรือบริการที่ยังเปราะบางต่อการแพร่ระบาดของกลุ่มก้อนได้ง่าย ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องดูแลป้องกัน ซึ่งธุรกิจที่เหลือหน่วยงานรัฐก็ทยอยเรียกมาหารือ โดยหอค้าไทยและพันธมิตรเอกชนก็จะเน้นในเรื่องสร้างความเข้าใจและเตรียมคู่มือให้ เพื่อให้มีแพลตฟอร์มการดูแลป้องกันที่เหมือนกันกับธุรกิจที่เปิดก่อนหน้านี้
“ ส่วนตัวผมก็ยังกังวลเรื่องการกลับมาระบาดรอบ 2 แต่เชื่อว่าจะไม่รุนแรงและรัฐดูแลได้ เพราะคนเริ่มออกจากบ้านและพบปะกันมากขึ้น ผมจึงอยากให้หน่วยงานเอกชนและราชการขยายการทำงานที่บ้าน(เวิร์ก ฟรอม โฮม) ไปอีก 1 เดือน เพราะขณะนั้นน่าจะมีการปลดล็อกธุรกิจส่วนใหญ่และเริ่มมีการเดินทางระหว่างประเทศแล้ว อาจทำให้การแพร่เชื้อกลับยมาอีกครั้ง ผมได้พูดคุยกับหลายองค์กรขนาดใหญ่ชั้นนำของไทย 10 กว่าแห่งยืนยันว่าจะยังมาตรการเวิร์กฟรอมโฮม 50-80% หรือถึงสิ้นเดือนมิถุนายน “นายกลินท์ กล่าว
นายกลินท์ กล่าวถึงการจัดทำโครงการเปิดเมือง ปลอดภัย ว่า เป็นโครงการที่หอการค้าไทย ในฐานะตัวแทนภาคเอกชน กับกระทรวงสาธารณสุข ในการกำหนดมาตรการของสถานประกอบการแต่ละประเภท ร่วมจัดกระบวนการ การกำหนดมาตรการอย่างเหมาะสม โดยแบ่งกลุ่มกิจการการค้าเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.สีขาว สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่ำและเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ อุปกรณ์ทางการแพทย์
2. สีเขียว สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงปานกลาง 3.สีเหลือง สถานประกอบการที่มี ความเสี่ยงปานกลางถึงสูงและ 4.สีแดง สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงสูง รวมถึงการกำหนดแนวทางในการป้องกันความเสี่ยงของสถานประกอบการ โดยมีการประเมินความเสี่ยงในแต่ละด้าน
พร้อมทั้งจัดทำคู่มือสำหรับสถานประกอบการ ซึ่งมีมาตรการและแนวทางปฏิบัติพื้นฐานเพื่อให้ผู้ประกอบการดำเนินการปลอดภัยและคล่องตัว พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมวิถีใหม่ (New Normal) โดยพัฒนาจากแนวคิด “คนไทยร่วมกันแคร์” ประสานพลัง 3 แคร์ ได้แก่
1.ร้านค้าแคร์ โดยสร้างเครือข่ายของร้านค้าที่มีความห่วงใย ใส่ใจในบริการที่ปลอดภัย และจะมีการให้ความรู้ และพัฒนาศักยภาพ รวมทั้งรวบรวมตัวอย่างและนวัตกรรมดี ๆ เพื่อนำมาเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง
2.ลูกค้าแคร์ จะเปิดช่องทางการสื่อสาร และรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงร้านค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งแจ้งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ รวมทั้งนำเสนอองค์ความรู้เพื่อการปรับตัวและสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่
3.สังคมแคร์ คือสังคมที่มีความสุขและมีความเอื้ออาทรต่อกัน ภายใต้แนวคิดของวิถีชีวิตแบบใหม่ New Normal ที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปแบบและวิถีชีวิตของคนในสังคม รวมถึงโมเดลธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับการทำงานแบบใหม่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว