‘เจเอเอส แอสเซ็ท’ โชว์งบไตรมาสแรก ทำกำไรโต 3,203% พร้อมเปิดบริการหลังรัฐคลายล็อกดาวน์

เจเอเอส แอสเซ็ทโชว์งบไตรมาสแรก ทำกำไรโต 3,203% พร้อมเปิดบริการหลังรัฐคลายล็อกดาวน์

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ เจ (J) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2563 รายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 165.1 ล้านบาท ลดลง 5.7% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 สาเหตุมาจากรายได้ค่าเช่าที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากบริษัทมีการปิดสาขา IT Junction แต่ผลการดําเนินงานไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัทมีรายได้อื่นๆ เท่ากับ 4 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของเงินสนับสนุนทางการตลาด และได้ทําสัญญาจะซื้อจะขายและโอนคอนโดมิเนียมภายใต้โครงการ Newera ไปแล้วกว่า 70% ของจํานวนห้องทั้งหมด ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 16.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1 ล้านบาท หรือโต 3,202.8% กําไรขั้นต้นอยู่ที่ 111.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 426% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 21.2 ล้านบาท เนื่องจาก ต้นทุนค่าเช่าที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่มีผลบังคับใช้ รวมถึงบริษัทยังมีการบันทึกการขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในไตรมาสที่ 1/2563 เนื่องจาก การปรับใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่16 จํานวน 55 ล้านบาท

นายสุพจน์กล่าวว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจภายใต้การบริหารของบริษัท ไตรมาส 1/2563 พื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าภายใต้ชื่อ IT Junction จำนวน 36 สาขา ศูนย์การค้าชุมชนภายใต้แบรนด์ The Jas จำนวน 3 แห่ง ได้แก่The Jas วังหิน , The Jas รามอินทรา และ Jas Urban ศรีนครินทร์ อีกทั้ง มีธุรกิจส่วนสนับสนุน อาทิ การบริหารฟู้ดคอร์ทภายใต้แบรนด์ Urban Food Ville สวนสนุกในร่ม แบรนด์ Totem Kingdom และธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โครงการคอนโดมิเนียม Newera 1 แห่ง นับเป็นการกระจายกลุ่มธุรกิจของบริษัทให้มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น

ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทยังคงมีกระแสเงินสดจากการดําเนินงานในส่วนของพื้นที่ค่าเช่าในศูนย์การค้าที่ยังไม่ปิดตามนโยบายของภาครัฐ และมีกระแสเงินสดบางส่วนจากการโอนคอนโดมิเนียม Newera ซึ่งมีห้องที่สามารถทยอยขายได้อีก 30% ของจํานวนห้องทั้งหมด และการเริ่มเปิดดําเนินการของโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่จังหวัดชลบุรี แม้ภาพรวมต้องปิดสาขาและศูนย์การค้าตามมาตรการภาครัฐ ส่วนของพื้นที่เช่าสําหรับผู้ค้ารายย่อย IT Junction และศูนย์การค้าของบริษัททั้ง 3 ศูนย์การค้า ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาเนื่องจากบริษัทได้ให้ส่วนลดค่าเช่ากับคู่ค้าที่ได้รับผลกระทบจากการปิดห้างสรรพสินค้าด้วย แต่บริษัทได้เร่งดําเนินมาตรการในการลดผลกระทบดังกล่าวอย่างรวดเร็ว จึงทําให้ผลกระทบของสถานการณ์ดังกล่าวมีจํากัด และสามารถบริหารจัดการได้นายสุพจน์กล่าว

นายสุพจน์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะรักษาผลการดําเนินงานให้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวน้อยที่สุด บริษัทได้รับความช่วยเหลือ และมาตรการที่บริษัทได้ดําเนินการไปแล้ว ทําให้ต้นทุนค่าเช่ารวมของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสําคัญเมื่อเทียบกับช่วงดำเนินงานปกติ จึงทําให้ค่าใช้จ่ายหลักของบริษัทลดลงตามสภาวะการณ์ของการลดลงของรายได้ ทั้งยังได้ดําเนินการเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อที่จะลดภาระการผ่อนชําระสินเชื่อ และได้ดําเนินการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินภายใต้มาตรการช่วยเหลือด้านแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของภาครัฐ ซึ่งบริษัทได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทรักษาสภาพคล่องในการดําเนินการได้ตลอดทั้งปี สำหรับความพร้อมในการเปิดพื้นที่เช่าและศูนย์การค้าชุมชน ขานรับภาครัฐบาลประกาศคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 2 โดยบริษัทจะปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อให้ลูกค้าทุกคนมั่นใจว่าจะได้รับบริการที่สะอาด ปลอดภัย และจับตาพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่กับการช้อปปิ้ง new narmal lifestyle โชว์จุดเด่นศูนย์การค้าของบริษัทเป็นแบบเปิด และอยู่ในแหล่งชุมชน มีร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image