บทนำมติชน : ห่วงเปิดเทอม
อาจเป็นความโชคดีของเด็กไทยที่การระบาดของโควิด-19 นั้นเกิดขึ้นในช่วงท้ายของปีการศึกษา โรงเรียนหลายแห่งปิดเทอมใหญ่ไปแล้ว อีกหลายโรงเรียน ปรับตัวใช้เทคโนโลยีออนไลน์เข้ามาช่วย มหาวิทยาลัยอยู่ในช่วงการสอบ ก็ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริม ถือเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ทำให้การศึกษาในปีการศึกษาที่แล้วผ่านพ้นไปได้ แม้จะมีปัญหาอุปสรรคใดบ้าง แต่ทั้งสถาบันการศึกษา อาจารย์ ผู้ปกครอง และนักเรียน น่าจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ โดยมาตรฐานการศึกษายังคงเดิม
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือปีการศึกษาใหม่ที่จะทยอยเปิดเทอมกันในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ทั้งการศึกษาในระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ซึ่งจำเป็นต้องคงความเข้มข้นในมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 และคงความเข้มข้นในมาตรฐานของการศึกษา ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าเมื่อถึงเวลาเปิดเทอมแล้ว จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับโรงเรียน และจะเกิดอะไรขึ้นกับนักเรียน ครูอาจารย์ เพราะที่ผ่านมาทุกคนต่างยึดหลัก “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ”
ในด้านคุณภาพการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการพยายามผลักดันระบบออนไลน์มาใช้เพื่อป้องกันการทำกิจกรรมร่วมกันของนักเรียน ซึ่งอาจมีผลต่อการติดเชื้อโควิด-19 แต่ผลจากการทดลอง กระทรวงศึกษาธิการได้รับเสียงสะท้อนกลับมาว่ามีปัญหาในอีกหลายจุด และคณะกรรมการที่มีหน้าที่ขับเคลื่อนการเรียนการสอนระบบออนไลน์กำลังรวบรวมปัญหา แล้วนำไปสู่การแก้ไขต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะต้องใช้เวลาอีกนาน ที่สำคัญระบบการเรียนการสอนด้วยออนไลน์ของประเทศไทย ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจในเรื่องคุณภาพการศึกษาได้ จึงต้องค่อยๆ สร้างความเชื่อมั่น และพัฒนาต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ประเทศไทยจะเปิดเทอมนานาชาติหลายประเทศได้เริ่มเปิดเทอมกันแล้ว แต่ละประเทศมีวิธีการและวิธีทำเพื่อป้องกันมิให้เด็กๆ ติดเชื้อ และป้องกันโควิด-19 ระบาด วิธีการเหล่านั้นเชื่อว่าสถาบันการศึกษาของไทยได้เรียนรู้และนำมาปรับใช้ แต่ทั้งนี้ หากสถาบันการศึกษาต่างๆ สามารถกำหนดมาตรการและเผยแพร่มาตรการที่กำหนดให้สังคมเชื่อมั่น และอาจจะมีการแลกเปลี่ยนวิธีการกันและกันจากข้อมูลข่าวที่เผยแพร่ จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เกิดความมั่นใจในการป้องกันการระบาดของโรค และการรักษามาตรฐานทางการศึกษาของสถาบันของตัวเอง หรือระบบการศึกษาของไทย ซึ่งจะช่วยให้ข้อห่วงใยในช่วงเปิดเทอมบรรเทาเบาบางลง
