‘สันธนะ’ร้องผบ.ตร. ให้สอบคดีนักธุรกิจจีนถูกไฮโซสาวหลอก 2.5 ล้านเคลียร์บิ๊กมท.-ศุลฯ-เกษตร นำเข้าเครื่องวัดไข้

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 4 มิถุนายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ผู้รับมอบอำนาจ จาก นาย ซู่ เว่ย นักธุรกิจชาวจีน อายุ 38 ปี (ผู้เสียหาย) ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอให้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน คดีไฮโซสาว ที่ร่วมกันฉ้อโกงนาย ซู่ เว่ย (ผู้เสียหาย)หลังจากที่นำสินค้าผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 เข้ามาที่เมืองไทย ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และถูกตรวจยึดไว้เพราะไม่มีเอกสารการนำเข้า ทำให้นายซู่ เว่ย ต้องเสียเงินนับล้านบาทให้กับกลุ่มดังกล่าวเพื่อจะแลกที่จะนำของออกมา โดยมี พ.ต.อ.นพดล เพ็ชร์สุทธิ์ รอง ผบก.ผอ. นายตำรวจเวรรักษาการณ์เป็นผู้รับเรื่องไว้เสนอผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน

นายสันธนะ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้นำหลักฐานมายื่นหนังสือกับ ผบ.ตร. เพื่อขอให้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน คดีไฮโซสาว ที่ร่วมกันฉ้อโกงนายซู่ เว่ย จำนวนเกือบ 3 ล้านบาท ที่มีการทำลักษณะเป็นขบวนการ สืบเนื่องจากได้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 นายนายซู เว่ย นักธุรกิจชาวจีน ได้นำเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายมาจำหน่ายและแจกให้กับหน่วยงานที่มีความจำเป็นในประเทศไทย เมื่อช่วงกลางเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเป็นชาวจีนทำให้ไม่ทราบวิธีการนำเข้า จึงถูกเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรยึดสินค้าไว้เพื่อรอยื่นหนังสือสำแดงสินค้า

จากนั้น นาย ซู่ เว่ย ได้เข้ามาหาตน จึงเข้าช่วยเหลือ ดำเนินการทำเอกสารและจ่ายภาษีนำเข้า ค่าระวางสินค้า เสียเงินไปหลักแสนบาทเท่านั้น ก็สามารถนำสินค้าทั้งหมดออกมาได้ ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าดำเนินการหลักล้านตามที่กลุ่มดังกล่าว เรียกเก็บเงินไป โดยนายซู เว่ย นักธุกิจชาวจีน ได้เล่าว่า ไฮโซ หลอกว่าสามารถเคลียร์ปัญหาการนำเครื่องวัดอุณหภูมิที่นำเข้ามาจากประเทศจีน ที่ถูกเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยึดไปกว่า 3,500 ชิ้น ออกมาได้โดยจะมีค่าดำเนินการ กว่า 2.5 ล้านบาท ที่จะต้องไปจ่ายให้กับบิ๊กกรมศุลกากร 5 แสนบาท ผู้ใหญ่ในกระทรวงมหาดไทย ผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนักการเมือง นายซู เว่ย จึงหลงเชื่อว่าจะนำของออกมาได้โดยโอนเงินเข้าบัญชีไฮโซสาว ไป แต่กลับไม่สามารถนำสินค้าออกมาได้

นายสันธนะ กล่าวอีกว่า ที่นายซู เว่ย หลงเชื่อ เพราะกลุ่มดังดังกล่าวกับพวก สามารถพูดภาษาจีนได้ โดยบอกว่าตนเอง ทำผิด สินค้าจึงโดนยึด หากจะเอาสินค้าออกนั้นยาก ต้องจ่ายเงิน ซึ่งความเป็นจริงนั้น สินค้าแค่ถูกนำไปเก็บไว้เท่านั้น เมื่อนำเอกสารมายื่นและเสียภาษีถูกต้อง ก็สามารถนำออกได้ ตนเองเห็นว่าในเมื่อลงทุนนำเข้ามาแล้ว แม้ว่าจะต้องจ่ายค่าดำเนินการเพิ่มอีก 2 ล้านบาท ก็ยอม และอยากได้สินค้ากลับคืนมา จึงยอมจ่ายไปให้กับกลุ่มดังกล่าวโดยทั้งนี้ นายสันธนะ ได้นำรูปบุคคลที่ฉ้อโกง นายซู่ เว่ย มาให้ผู้สื่อข่าวได้ดูด้วย

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ได้พานายซู่ เว่ย อายุ 38 ปี นักธุรกิจชาวจีน พร้อมหลักฐาน เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ รอง ผบก.น.8 ที่สน.ปากคลองสาน แล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวบข้อมูล กระทั่งมาร้องที่ ตร. วันนี้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image