‘จุรินทร์’ จับมือ ‘เฉลิมชัย’ สร้างฐานข้อมูลเดียวกัน ขับเคลื่อน ‘เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด’

‘จุรินทร์’ จับมือ ‘เฉลิมชัย’ นำกระทรวงพาณิชย์-กระทรวงเกษตรฯ ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ ‘เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด’ เดินหน้ายุทธศาสตร์ ‘ตลาดนำการผลิต’ ลุยนำสินค้าเกษตรบุกตลาดโลก พาเกษตรกรก้าวข้ามความยากจน

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองกระทรวงจับมือสร้างประเทศเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก โดยมีเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ เพิ่มจีดีพีประเทศ และเพิ่มรายได้เกษตรกรและผู้ประกอบการ ซึ่งทั้ง 2 กระทรวงมีพันธกิจร่วมกัน คือ สร้างฐานข้อมูลเดียวกัน ใช้ข้อมูลจากฐานเดียวกัน สร้างแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” สร้างความเชื่อมั่นด้วยคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ พัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด ที่กระทรวงพาณิชน์

โดยนายจุรินทร์จะนำกระทรวงพาณิชย์เดินหน้าภายใต้นิยาม “พาณิชย์ทันสมัย” นำเทคโนโลยีและข้อมูลมาใช้ เพื่อทำการตลาดอย่างแม่นยำ สร้างทีมเซลส์แมนจังหวัดและทีมเซลส์แมนประเทศ ขยายตลาดด้วยเทคโนโลยีและการค้าออนไลน์ สร้างโมเดลการค้าใหม่ให้เกิดขึ้น ส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าไทย โดยมุ่งไปทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ใช้ทีมเซลส์แมนจังหวัดประกอบด้วย พาณิชย์จังหวัด ผู้ประกอบการในจังหวัด

ด้านตลาดต่างประเทศ ใช้ทีมเซลส์แมนประเทศประกอบด้วยทูตพาณิชย์กับผู้ส่งออกภาคเอกชน มีช่องทางการตลาด คือ ออนไลน์ (แพลตฟอร์มรายการสินค้าเพื่อรองรับนิวนอร์มอล) ออฟไลน์ (โมเดิร์นเทรด,สมาร์ทโชห่วย, ธงฟ้า, โมบายมาร์เก็ต, โมบาย, รถพุ่มพวง, คาราวาน, ตลาดต่างๆ, ตลาดกลาง, ตลาดสด) คอนแทร็กฟาร์มมิ่ง (ทำเกษตรพันธสัญญา) เคาน์เตอร์เทรด (สร้างเวทีจับคู่ให้มากขึ้น)

Advertisement

นายจุรินทร์กล่าวว่า “วันนี้ต้องถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งของประเทศไทย คือ เป็นการเปิดศักราชใหม่อย่างเป็นรูปธรรมในการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวใจสำคัญคือการเปิดวิสัยทัศน์สำคัญร่วมกันของทั้งสองกระทรวงภายใต้วิสัยทัศน์เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด สร้างโอกาสไทยทุกคนโดยใช้ยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิตและภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ว่านี้มีเป้าหมายชัดเจน คือเดินหน้ายุทธศาสตร์เป็นเป้าหมาย 1 สร้าง 3 เพิ่ม หนึ่งสร้างที่ว่าก็คือการสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก ส่วนเป้าหมายสามเพิ่มที่ว่าก็คือ เพิ่มที่หนึ่ง คือ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ เพิ่มที่สอง ก็คือการเพิ่มจีดีพีให้กับประเทศ และเพิ่มที่สาม ก็คือการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการในทุกระดับ โดยการที่จะบรรลุหนึ่งสร้างสามเพิ่มนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงพาณิชย์จะต้องมีพันธกิจร่วม 4 พันธกิจด้วยกัน พันธกิจร่วมที่หนึ่ง ก็คือการที่จะต้องร่วมกันสองกระทรวงในการสร้าง ซิงเกิล บิ๊ก ดาต้า (Single Big Data) ให้เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งสองกระทรวงได้ใช้ข้อมูลจากฐานเดียวกันเสียที ไม่มีของเขาของเรา ไม่มีของพาณิชย์ไม่มีของเกษตร มีแต่ ซิงเกิล บิ๊ก ดาต้า ร่วมของประเทศทั้งด้านการผลิตและการตลาด”

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า พันธกิจร่วมที่สอง คือการที่จะต้องร่วมกับสองกระทรวงสร้างแพลตฟอร์มกลางเกษตรผลิต พานิชย์ตลาด ให้เกิดขึ้นให้ได้เพื่อให้ภาคการผลิตคือภาคการเกษตร ภาคการแปรรูป อุตสาหกรรม ภาคการค้า การลงทุนการส่งออกได้สามารถมาใช้แพลตฟอร์มกลางที่ว่านี้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลแลกเปลี่ยนพันธสัญญาในการซื้อขายและการทำการตลาดร่วมกันได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไปในอนาคต พันธกิจร่วมที่สาม คือการที่สองกระทรวงจะต้องร่วมกันในการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในสินค้าเกษตรโดยจะต้องมุ่งเน้นคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัย และการสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ซึ่งนี่คือเป้าหมายของการตลาดและการผลิตยุคใหม่ที่โลกต้องการและเป็นการสะท้อนว่าเราเดินไปสู่ยุทธศาสตร์ ตลาดนำ การผลิต เพราะถ้าตรวจสอบย้อนกลับไม่ได้ก็จะขายยากในตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดสำคัญของโลกในประเทศที่มีศักยภาพมีที่ดี มีรายได้สูง

พันธกิจร่วมประการที่สี่ อยู่ที่กระทรวงเกษตรฯและกระทรวงพาณิชย์ต้องทำร่วมกันคือต้องพัฒนาคนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ตรงตามความต้องการของตลาดร่วมกัน พร้อมกัน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต และเพื่อนำไปสู่เป้าหมายวิสัยทัศน์สร้างโอกาสไทยทุกคน

Advertisement

“นี่คือ 4 พันธกิจร่วมเบื้องต้นที่ขอเปิดวิสัยทัศน์ในวันนี้ ที่สองกระทรวงจะทำร่วมกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม การที่จะบรรลุพันธกิจรวม 4 พันธกิจ จะต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันสองกระทรวง โดยมีประธานทั้งสองกระทรวงเป็นผู้ไปทำธุรกิจร่วมกัน ในการจัดทำเป้าหมายที่เป็นตัวเลขชัดเจน ไปทำแผนปฏิบัติทำโครงการขับเคลื่อน ทำตัวชี้วัด และไปทำทุกอย่างให้ผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ต่อไปผมแนะนำว่านอกจากคณะทำงานชุดรวมแล้วต้องมีคณะทำงานแต่ละชุดที่จะบรรลุเป้าหมายพันธกิจร่วม 4 ชุดนี้และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องเดินหน้าไปสู่เป้าหมายของการเป็นเกษตรทันสมัย กระทรวงพาณิชย์ก็เช่นเดียวกันต้องเดินหน้าไปสู่การเป็นพาณิชย์ทันสมัย” นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า พาณิชย์ทันสมัย คือ 1.ต้องเป็นพาณิชย์ที่นำเทคโนโลยีและข้อมูลทันสมัยมาใช้เพื่อทำการตลาดอย่างแม่นยำจากทุกมุมโลกจากทุกข้อมูล จากทุกแหล่งมาบูรณาการและมากลั่นกรองเป็นข้อมูลที่จะนำไปสู่การดำเนินการทางการตลาดที่ถูกต้องชัดเจน
2.ต้องสร้างทีมเซลส์แมนจังหวัดและทีมเซลส์แมนประเทศทำให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม มีศักยภาพและมีประสิทธิภาพให้ได้ เซลส์แมนจังหวัดไม่ใช่แค่พาณิชย์จังหวัดคนเดียวแล้วตั้งตัวเองเป็นเซลส์แมนจังหวัดแต่เซลส์ในจังหวัดต้องประกอบด้วย พาณิชย์จังหวัด ภาคเอกชน ภาคการผลิตและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันทำงานเซลส์ทีมเซลส์แมนจังหวัด เพื่อทำหน้าที่ทางการตลาดภายใต้หลักพาณิชย์ทันสมัย ทีมเซลส์แมนประเทศต้องประกอบด้วยพาณิชย์และภาคเอกชน ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมทั้ง ผู้นำเข้าในตลาดประเทศนั้น มารวมตัวกันเป็นทีมเซลส์แมนประเทศ จึงจะเป็นพาณิชย์ทันสมัย 3.จะต้องมีการขยายตลาดการค้าออนไลน์ซึ่งถือว่าเป็นระบบการค้าแบบที่เรายังไม่นำมาใช้อย่างแพร่หลายจริงจัง ต่อไปจะเป็น นิวนอร์มอลตัวจริงของตลาดโลกขึ้นมา เพราะเมื่อคนนับหนึ่งจากการระบบใช้อี-คอมเมิร์ซ การใช้การค้าออนไลน์ต่อไป ก็คงจะชินกับระบบนี้และสะดวกคล่องตัวโดยไม่ต้องเดินทางไปพบตัวเอง แค่ซื้อบนจอรวมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่อไป เราต้องเดินไปสู่การใช้บล็อกเชนในการเจรจาติดต่อกัน การขายและการลงทุนอนาคต 4.จะต้องเน้นในการสร้างโมเดลการค้ารูปแบบใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นเพิ่มเติม เช่นในอนาคตอาจจะต้องนำทั้งหมด “ดรอป ออฟ” ศูนย์รวม ศูนย์กระจายสินค้ามาใช้มากขึ้นรวมทั้งการเชื่อมระบบทั้งออฟไลน์และออนไลน์เข้ามาไว้ด้วยกัน โดยไม่แยกส่วนก็จะเป็นโมเดลทางการตลาดรูปแบบใหม่ที่ช่วยกันสองกระทรวงพัฒนาร่วมกัน

และสุดท้าย 5.จะต้องสามารถเดินหน้าไปสู่การสร้างความเชื่อมั่น และส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมั่นในสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตรที่เราจับมือกับกระทรวงเกษตรฯขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นด้วยกันสร้างแบรนด์ จดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา หรือการสร้าง Trust Mark ให้เกิดขึ้นกับตลาดโลกทั้งโลกนี่คือนิยามของคำว่าพาณิชย์ทันสมัย

นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับช่องทางการตลาดที่จะนำสินค้าเกษตรไปขายให้กับผู้ซื้อหรือผู้บริโภคเราจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ตลาดในประเทศกับตลาดต่างประเทศ ตลาดในประเทศที่ว่าก็จะทีมเซลส์แมนจังหวัดเป็นกลไกสำคัญตลาดต่างประเทศก็จะมีทีมเซลส์แมนประเทศ ในการที่จะไปทำตลาดในต่างประเทศของโลก ส่วนช่องทางการตลาดเราได้คุยกันระหว่างสองกระทรวงและได้ข้อสรุปร่วมกันว่าอย่างน้อย 4 ช่องทางการตลาด

ช่องทางตลาด 1.คือตลาดออฟไลน์ซึ่งถือว่าเป็นตลาดดั้งเดิมในตลาดรูปแบบเดิมที่เราได้ใช้มาในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ก็ยังสามารถพัฒนารูปแบบไปได้อีกเยอะ ไม่จำเป็นต้องอยู่รูปแบบเดิม เพื่อนำไปสู่พาณิชย์ทันสมัย ประกอบด้วยโมเดิร์นเทรด สมาร์ทโชห่วย ที่ตนมีนโยบายยกระดับโชห่วยขึ้น เป็นสมาร์ทโชห่วย มีการใช้เทคโนโลยีรูปแบบการบริหารจัดการเข้ามาช่วยภายใต้การดูแลของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร้านธงฟ้าก็ยังถือเป็นช่องทางตลาดออฟ ไลน์ของเราอีกช่องทางหนึ่ง โมบายมาร์เก็ตที่จะเป็นตลาดชั่วคราวที่ไม่จำเป็นต้องไปสร้างอาคารขนาดใหญ่ ก็คือตลาดชั่วคราว ตลาดเฉพาะกิจที่ต้องทำงานเชิงรุกของทีมเซลส์แมนจังหวัดในการเป็นช่องทางระบายสินค้าทางการเกษตร เช่น ต้องสนองความต้องการตลาด และระบายสินค้าเกษตรต้องทำที่หนึ่งสัปดาห์จบ ถ้าสินค้าหมด นี่ก็คือทิศทางของตลาดออฟไลน์ที่เรียกว่าโมบายมาร์เก็ต รถพุ่มพวงก็จะเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถสนองต่อความต้องการของตลาดออฟไลน์ได้ คาราวานสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ตลาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดกลาง ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดต้องชม เป็นต้น นี่คือตลาดออฟไลน์

ตลาดที่ 2 คือ ตลาดออนไลน์ ทวีความสำคัญยิ่งขึ้นตลาดออนไลน์นั้นจะต้องมีแพลตฟอร์มทั้งในประเทศและแพลตฟอร์มต่างประเทศ และแพลตฟอร์มกลางเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ที่จะต้องสร้างให้เกิดขึ้นและเป็นช่องทางระบายสินค้าเกษตรต่อไปอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ สามการทำคอนแทร็กฟาร์มมิ่ง ซึ่งขณะนี้พระราชบัญญัติเกษตรพันธสัญญามีผลบังคับใช้แล้ว จะช่วยให้เกษตรกรผู้ผลิตมีหลักประกันว่า ถ้าลงนามในเกษตรพันธสัญญาแล้วเค้ามีหลักประกันเรื่องราคารับซื้อ ปริมาณการรับซื้อ โดยผู้ซื้อผู้บริโภคหรือจะนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของแวรูเชน (value chain) ในภาคการผลิตสินค้าต่อเนื่องอย่างไร และจะเป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯให้ความสำคัญร่วมกันมากขึ้นเพื่อสร้างหลักประกันทั้งผู้ซื้อและผู้ประกอบการ ช่องทางสุดท้ายสี่ คือการนำเคาน์เตอร์ เทรด (counter trade) มาใช้โดยการสร้างเวทีจับคู่การค้าการผลิตมาพบกันให้มากขึ้นในรูปของการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าหรือรูปแบบใดก็สุดแล้วแต่ ตามความเหมาะสมของแต่ละกรณีทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ นี่คือวิสัยทัศน์ เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด สร้างโอกาสไทยทุกคน

“วันนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของวิสัยทัศน์เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด สร้างโอกาสไทยทุกคน ถัดจากนี้ไปทั้งสองกระทรวงยังมีภารกิจอีกเยอะที่จะต้องนำวิสัยทัศน์นี้หลักคิดนี้ไปสู่ภาคปฏิบัติให้เกิดขึ้นให้ได้เพื่อเกษตรกรเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ รวมทั้งสร้างเศรษฐกิจระดับกลางของผู้ประกอบการและระดับรวมในฐานะผู้ส่งออกนำรายได้เข้าสู่ประเทศ และสร้างความหวังให้กับประเทศของเราต่อไป ผมคิดว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่รายละเอียดสุดท้ายเพราะนี่คือการเริ่มต้นเฉพาะความคิดของกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรฯ คิดว่าภาคส่วนอื่นๆ ควรจะเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยแสดงความคิดเห็นช่วยสะท้อนมุมมองของภาคอื่นๆ ซึ่งทั้งสองกระทรวงยินดีรับฟังและจะนำไปปรับต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติให้ได้จริงให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเป้าหมายการปรับปรุงถ้าจำเป็นต้องเกิดขึ้น” นายจุรินทร์กล่าว

ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินหน้า “เกษตรทันสมัย” “เกษตรปลอดภัย” ทำเกษตรในรูปแบบสมัยใหม่ นำเทคโนโลยีและข้อมูลมาใช้เพื่อทำการผลิตอย่างแม่นยำ ผลิตสินค้ามูลค่าสูง มีคุณภาพ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และตรวจสอบย้อนกลับได้ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต โดยเน้นรูปแบบของเกษตรสมัยใหม่ ทั้งเกษตรรวมกลุ่ม เกษตรนวัตกรรม เกษตรปลอดภัย เกษตรแปรรูป เกษตรเทคโนโลยี และเกษตรพอเพียง โดยมีกลุ่มสินค้า ประกอบด้วย พืช ปศุสัตว์ ประมง แปรรูป และเกษตรบริการ โดยเกษตรทันสมัย จะต้องมีคุณภาพสินค้าทั้ง 1.สินค้าทั่วไป 2.สินค้ามาตรฐาน (GAP GMP ฮาลาล ฯลฯ) 3.สินค้าพรีเมียม (GI ออร์แกนิค นวัตกรรม ฯลฯ)

“เราส่งเสริมสมาร์ทฟาร์เมอร์ และยังสมาร์ท ฟาร์เมอร์ (Smart farmer and young smart farmer) เพื่อเปลี่ยนแปลงวิถีเกษตรจากรูปแบบเดิม ถ้าเราผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพต่ำ เราจะไม่สามารถก้าวผ่านความเป็นประเทศยากจนได้ หากเกษตรกรอยู่ดีกินดี เราจะสามารถพูดได้เต็มปากว่าเราเป็นประเทศพัฒนาแล้ว การเกษตรเกี่ยวกับคนไทยทั้ง 70 ล้านคน และโควิด-19 ทำให้วิถีการเกษตรเปลี่ยนไป กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่นำเงินเข้าประเทศ ภาคเกษตรจะต้องเข้าสู่เกษตรปลอดภัย ซึ่งคือเกษตรกรต้องปลอดภัยด้วย ผู้ผลิต ผู้บริโภคต้องปลอดภัยด้วย เราได้เริ่มทำมาแล้วหนึ่งปี ซึ่งจะได้ย่างก้าวไปสู่เกษตรอินทรีย์ ทุกฝ่ายต้องทำงานอย่างระบบ หากเกษตรกรได้ทราบข่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ เขาจะรู้สึกว่ามีอนาคตแล้ว ไม่ถูกทิ้ง เพราะภาครัฐจะหาเงินเพิ่มในกระเป๋าเขา แต่เราต้องเริ่มเดินไปพร้อมๆ กัน” นายเฉลิมชัยกล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯกล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯได้เริ่มการค้าออนไลน์ มีการลงนามความร่วมมือกับ ลาซาด้า แกร็บ และโซพี กับ (Lazada, grab, shopee) แต่ออฟไลน์ก็มีความสำคัญ ได้ทำลงนามความร่วมมือกับเทสโก้ โลตัส และแม็คโคร เพื่อนำสินค้าเกษตรคุณภาพสู่มือผู้บริโภค ยอมรับว่ากระทรวงเกษตรฯไม่ได้เป็นมืออาชีพด้านการขาย แต่การได้กระทรวงพาณิชย์มาช่วยวันนี้จะช่วยได้อีกมาก วันนี้พาณิชย์จะจับมือกับเกษตรพาเกษตรกรก้าวผ่านความยากจนไปได้ ความร่วมมือในวันนี้เป็นจุดเปลี่ยนของประเทศ และภาคเกษตรเป็นความหวังในยุคโควิด-19 ฉะนัน วันนี้เราต้องทำให้ดีที่สุดร่วมกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image