ศาลอุทธรณ์เลื่อนนัดพิพากษาคดี บ.ปุ๋ยฟ้องเกษตรกรเรียก 42ล้าน เหตุ 75 จำเลยเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 ที่ศาลจังหวัดนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรจาก 5 อำเภอในจังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วย อ.โนนสุวรรณ ปะคำ นางรอง หนองกี่ และ อ.หนองหงส์ 222 คน ที่ถูกบริษัทจำหน่ายปุ๋ย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องให้ชดใช้ค่าปุ๋ยที่มีการจัดซื้อในโครงการส่งเสริมอาชีพคนบุรีรัมย์ ปี 2558 รวมเป็นเงินกว่า 42 ล้านบาท ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 เมื่อเกษตรกรเดินทางมาถึงศาล มีตัวแทนของศาลชี้แจงว่า ศาลได้เลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยคนที่ 75 อยู่ที่ อ.หนองหงส์ ได้เสียชีวิตลงซึ่งทนายจำเลยรายดังกล่าวยังสืบหา ติดตามพยานหรือทายาท เพื่อนำมาแถลงต่อศาลไม่ได้  ซึ่งจะต้องมีการไต่สวนและรวบรวมส่งสำนวนกลับคืนไปที่ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 เพื่อให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วจึงจะนัดอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์อีกครั้ง

นางอุมาพร แพรประเสริฐ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิศษ กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นการเลื่อนครั้งที่ 2 ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2562 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลจังหวัดนางรองจัดทำใหม่ให้ถูกต้อง แต่ครั้งนี้ที่ศาลเลื่อนอีกครั้ง เพราะมีจำเลยที่ 75 จาก 222 คน เสียชีวิต เป็นกลุ่มของ อ.หนองหงส์ ซึ่งไม่มีอะไรซับซ้อน หลังจากนี้ต้องรอ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 นัดฟังคำพิพากษาอีกครั้ง ซึ่งยังไม่กำหนด

นางสุรัสวดี เรืองจำรัส อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 13 ต.ถนนหัก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ หนึ่งในจำเลยที่ถูกฟ้อง กล่าวว่า กลุ่มที่ถูกบริษัทฟ้องทั้งหมด เป็นเพียงผู้รับเคราะห์แทนจากโครงการของ อบจ.ที่ผ่านมาวิ่งเต้นไปทุกหน่วยงาน ใช้เงินส่วนตัวทั้งหมด ตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาช่วยเหลือแต่อย่างใด จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องมองเห็นประธานกลุ่มแต่ละกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนในขณะนี้ด้วย

Advertisement

นางหนูแดง ทองใบ อายุ 48 ปี อยู่เลขที่ 44 หมู่ 7 ต.ทุ่งจังหัน อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้องไปแล้วครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561 เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้งหมดไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์โดยตรง เพราะที่ผ่านมาจำเลยไม่เคยเจรจาซื้อขายปุ๋ยกับโจทก์ และไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลย ส่วนที่มีลายมือชื่อของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเป็นการเซ็นตามที่หน่วยงานราชการระบุให้เซ็น เพื่อแนบเรื่องเสนอขอรับเงินอุดหนุนในโครงการดังกล่าวเท่านั้น ชาวบ้านที่ตกเป็นจำเลยต่างดีใจเพราะคิดว่าพ้นผิดแล้ว แต่เมื่อบริษัทยื่นอุทธรณ์ ชาวบ้านเริ่มหวั่นวิตก ยิ่งมีการเลื่อนนัดอีก ชาวบ้านมีความกังวลมากขึ้น เรื่องดังกล่าวเป็นการบั่นทอนสุขภาพจิต ตราบใดที่ยังไม่มีการตัดสิน เรื่องดังกล่าวยังค้างคาใจชาวบ้านตลอดเวลา

สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก โครงการส่งเสริมอาชีพของคนบุรีรัมย์ ดำเนินการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)บุรีรัมย์ โดยให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิตแจกปุ๋ยฟรีแก่กลุ่มเกษตรกรในจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นโครงการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555-2558 เป็นโครงการให้เปล่าไม่มีค่าใช้จ่าย โดยชาวบ้านทำโครงการเพื่อขอรับการอุดหนุน แต่เกิดปัญหาเนื่องจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ตรวจสอบพบความไม่โปร่งใสของโครงการฯ ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ไม่ลงอนุมัติงบประมาณให้ อบจ. บุรีรัมย์ และได้สั่งให้ อบจ.ทบทวนโครงการ ระหว่างนั้นชาวบ้านได้รับการประสานให้ทำสัญญาสั่งซื้อปุ๋ยจากบริษัท โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทนำปุ๋ยมาส่งให้เกษตรกร พร้อมให้ประธานกรรมการ และชาวบ้านลงชื่อในเอกสารใบสั่งซื้อและใบรับปุ๋ย โดยแจ้งว่าจะนำไปส่งต่อให้ อบจ.เพื่อรับเงินค่าปุ๋ยตามจำนวนที่ส่งโดยไม่ระบุว่าถูกสตง.ตรวจสอบ มีปัญหางบฯ ต่อมาบริษัทเรียกเก็บค่าปุ๋ยกับชาวบ้าน โดยอ้างเอกสารการสั่งซื้อและรับปุ๋ยที่ชาวบ้านลงชื่อไว้ ทำให้ชาวบ้าน 222 ราย ถูกบริษัทปุ๋ยฟ้องในข้อหาผิดสัญญาซื้อขาย ในปี 2559

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image