ลูกร้องทุกข์ศูนย์คนหายตำรวจ หลังแม่ป่วยจิตเภทหาตัวไม่เจอนานกว่า 6 ปี

ลูกมารดาป่วยจิตเภท เข้าร้องทุกข์ศูนย์คนหายตำรวจ หลังไม่เจอแม่นานกว่า 6 ปี แต่เรื่องไม่คืบหน้า

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน กองทะเบียนประวัติอาชญากร(ทว.) น.ส.วรรณกา อาสนา อายุ 28 ปี ลูกสาวของนางแพรพรรณ อาสนา อายุ 54 ปี นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา เข้าพบ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บังคับการกองทะเบียนประวัติอาชญากร(ผบก.ทว.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการบริหารจัดการคนหายและศพนิรนาม (คบ.คนตร.) พ.ต.อ.วาที อัศวุตมางกุร รองโฆษก สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบหนังสือให้ช่วยติดตามมารดาของ ซึ่งป่วยด้วยโรคจิตเภท ต้องรับประทานยาจิตเวชต่อเนื่อง ได้หายตัวไปอย่างลึกลับเกรงว่าจะได้รับอันตราย ในระหว่างเดินทางไปเยี่ยมญาติตามลำพังที่ จ.หนองคาย ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2557 โดยวันที่นางแพรพรรณหายตัวไป ได้นัดหมายกับบุตรสาว เพื่อเดินทางไปรับกลับบ้านที่กรุงเทพฯ แต่นางแพรพรรณได้หายตัวไปเสียก่อน

น.ส.วรรณกา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนและครอบครัวคือ พ่อ แม่ และตนอาศัยอยู่ที่ย่านหนองจอก แล้วเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2557 ได้ย้ายมาบ้านหลังใหม่ ที่ย่านร่มเกล้า พอมาอยู่ได้สักพักแม่บ่นเหงา เนื่องจากบ้านใหม่ มีลักษณะเป็นหมู่บ้าน ต่างคนต่างอยู่ พอเดือนกรกฏาคม 2557 แม่จึงเดินทางไปยังบ้านของปู่ ที่อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เพียงคนเดียว 2 ถึง 3 ครั้ง หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ตนจึงสอบถามแม่ว่าอยากอยู่ที่นั้นกี่วัน เพราะทางตนและพ่อกลัวแม่จะหายไป พร้อมทั้งบอกจะไปรับตัวแม่ในวันที่ 8 สิงหาคม 2557 แต่แม่กลับเดินทางไปบ้านตา ที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ในวันที่ 7 สิงหาคม 2557 และค้าง 1 คืน ต่อมาเมื่อถึงวันที่นัดพบกัน ช่วงเช้า แม่ได้เดินทางออกจากบ้านตาไปที่ บขส. เพื่อโดยสารรถสามล้อรับจ้างให้ไปส่งที่นัดกันไว้ โดยแม่ที่เดินทางมาเพียงลำพัง แต่ได้พกเงินติดตัวมาถึง จำนวน 20,000 บาท

น.ส.วรรณกา กล่าวต่อว่า แต่ด้วยตนเดินทางมาถึงบ้านของปู่ ในช่วงเช้าของวันที่ 9 สิงหาคม 2557 ช้ากว่าวันที่นัดพบกับแม่วันหนึ่ง แต่ปรากฎว่าแม่ไม่อยู่แล้ว จึงไปติดตามแม่ที่บ้านของตา แต่ก็ไม่พบเช่นกัน ตลอดจนไปสอบถามที่ บขส. จนทราบว่าแม่ได้โดยสารรถสามล้อ กระทั่งพบตัวลุงคนขับรถสามล้อ จึงทราบว่าแม่ได้เหมารถเพื่อไปส่งที่ บขส. อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เมื่อขับไปได้สักระยะ แม่มีอาการเหม่อลอยพูดคนเดียว ด้วยลุงกลัวว่าแม่จะไม่มีเงินจ่ายค่ารถ จึงมีการแวะปั๊มน้ำมัน แล้วให้แม่จ่ายค่าน้ำมันก่อน ซึ่งนี้เป็นเพียงข้อมูลที่ตนรับทราบมา

โดยตัวแม่เองมีอาการป่วยทางจิตเภท ที่ต้องมีการทานยาประจำ ถ้าขาดยาจะมีอาการเหม่อลอย พูดคนเดียว ซึ่งระหว่างที่แม่เดินทางมาอยู่บ้านของปู่ ได้ 1 สัปดาห์ น่าจะไม่ได้ทานยา จึงอาจเป็นเหตุให้อาการกำเริบอีกครั้ง อีกทั้งปกติ แม่จะเปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือไว้ตลอด จึงขอให้ทางคุยโทรศัพท์ตรวจสอบประวัติการโทร พบว่ามีหมายเลขโทรแปลก 2 เบอร์ ใช้เวลาในการพูดคุยกันประมาณ 5 นาที ซึ่งเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ต่อมาตนจึงเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กับทางตำรวจ สภ.โพนพิสัย แต่ทำได้เพียงลงบันทึกประจำวัน จากนั้นจึงเดินทางไปแจ้งความ สภ.เมืองจังหวัดหนองคาย ด้วยที่ได้รับข้อมูลมาจากลุงคนขับรถสามล้อรับจ้าง ระบุไว้ว่าได้พาแม่มาส่งที่ บขส.จังหวัดหนองคาย และต้องการที่จะขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณนั้น ต้องมีใบแจ้งความไปขอดู จึงต้องไปแจ้งความไว้ก่อน แต่ด้วยระยะเวลาผ่านไปนาน ทำให้ไฟล์ภาพถูกบันทึกทับไปแล้ว หลังจากนั้นตนก็พยายามตามหาแม่ทุกวิถีทาง หลังเลิกงานวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์จะขับรถไปตามหาแม่ กับพ่อกัน 2 คน เสมอ ตลอดจนติดต่อไปยังสำนักข่าว เพจเฟซบุ๊กต่างๆให้ช่วยลงรูปแม่ เพื่อประชาสัมพันธ์ตามหาอีกทาง

Advertisement

อย่างไรก็ดีตนอยากฝากไปถึงท่านใด ถ้าหากพบเบาะแสเกี่ยวตัวแม่ ช่วยแจ้งกับมา ทั้งทางตำรวจ หรือมูลนิธิกระจกเงา เพราะตนก็ยังเฝ้ารอแม่ ตลอดจนเป็นแม่ทั้งสภาพอากาศที่ร้อน มีฝนตก หนำซ้ำยังมีโรคระบาดอยู่ด้วย ซึ่งไม่ทราบจริงๆ ว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่ หรือไม่ ถ้าถามว่าหนูยังมีความหวัง หรือไม่ ซึ่งมันเป็นเวลาที่นานมาก ปกติ เกิดอะไรขึ้นแม่จะโทรหาตลอด แต่ครั้งนี้ ไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด หลายคนก็บอกว่าแม่อาจไม่อยู่แล้ว แต่ตนหากยังไม่พบศพแม่ ก็ยังเชื่อและมีความหวังว่าจะได้พบกับแม่อีกครั้ง

ด้านพล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับทราบเรื่องราวนี้มาจากทางมูลนิธิกระจกเงา ตั้งแต่เมื่อวาน จึงได้ประสานไปยังพื้นที่ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย เพื่อขอตรวจสอบสำนวนเกี่ยวกับคนหาย ว่าไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว ซึ่งทางตำรวจต้องทำการสืบสวนสอบสวนตั้งแต่ช่วงที่นางแพรพรรณ เดินทางออกจากบ้านที่อำเภอโพนพิสัย ขึ้นรถสามล้อรับจ้าง ตลอดจนถึงบขส.เมืองหนองคาย อีกทั้งต้องทำการตรวจสอบโทรศัพท์ ด้วยอุปสรรคที่เวลาผ่านไปเนิ่นนาน และศพนิรนาม แต่ทางตำรวจต้องทำอย่างเต็มที่เพื่อติดตามหาบุคคลที่สูญหายให้ได้

ขณะที่พ.ต.อ.วาที กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ ได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ของน.ส.วรรณกาไว้แล้ว โดยจะนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลศพนิรนามในฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป

Advertisement

สำหรับเบาะแสล่าสุด มีพลเมืองดีโทรแจ้งทางมูลนิธิกระจกเงาว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาพบผู้หญิงลักษณะคล้ายนางแพรพรรณ ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ หน้าแขวงทางหลวงฉะเชิงเทรา ซึ่งทางบุตรสาว ทางมูลนิธิพร้อมกับตำรวจจะลงไปติดตามตรวจสอบอีกครั้งในบ่ายวันนี้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image