เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยกรณีตามที่สื่อนำเสนอข่าวเกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2563 จัดตั้งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ซึ่งมีผลเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ว่าเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. มีการประชุมแต่งตั้งระดับผู้บริหาร ผบช.-ผบก.ของ บช.สอท. แล้วนั้นและในส่วนของระดับ สว.- รอง ผบก. และเจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฎิบัติ กองบัญชาการที่เกี่ยวข้องมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจอาทิ เช่น กก.5 บก.สส.บช.น. และ กก.4 บก.สส. สังกัดตำรวจภูธรภาค 1-9 ทั่วประเทศ ตัดโอนตำแหน่งไปอยู่ใน บช.สอท.โดยหน่วยต่างๆ พิจารณาปรับเกลี่ยข้าราชการตำรวจที่ถูกยุบเลิกตำแหน่งดังกล่าวไปดำรงตำแหน่งในหน่วยเดิมก่อน ซึ่งเป็นการดำเนินการทางธุรการปกติในด้านกำลังพล และไม่กระทบต่อการแต่งตั้งในคราวต่อไป
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่าในส่วนของข้าราชการตำรวจที่จะทำการพิจารณาไปดำรงตำแหน่งในสังกัด บช.สอท. จะพิจารณาจากผู้มีความรู้ความสามารถ อีกทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการจัดฝึกอบรมพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้กับข้าราชการตำรวจอีกด้วย เพื่อรองรับการแต่งตั้งวาระ สว.- รอง ผบก. และระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติประจำปี 2563 ตาม กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจฯ ตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรอบอัตรากำลังใน บช.สอท. นั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 1,989 ตำแหน่ง เป็น รอง ผบก. 21 ตำแหน่ง ผกก. 46 ตำแหน่ง รอง ผกก. 185 ตำแหน่ง สว. 241 ตำแหน่ง รอง สว. 563 ตำแหน่ง และ ผบ.หมู่ 933 ตำแหน่ง ทั้งนี้ตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 การตั้งแต่งระดับ สว.-รอง ผบก. วาระประจำปี 2563 ตามกรอบระยะเวลาจะเสร็จสิ้นภายใน 30 พฤศจิกายน 2563
