นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า(อคส.) คนใหม่ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า(บอร์ดอคส.)ของเดือนกันยายน หรือวันที่ 29 กันยายนนี้ ตนจะเสนอแผนงานในการดูแลและลดปัญหาพืชเกษตรสำคัญของไทย เบื้องต้น 2 ชนิด คือ ปาล์มน้ำมัน ลำไย กุ้ง และมะพร้าว ซึ่งพืชแต่ละชนิดจะมีปัญหาและแนวทางดูแลที่แตกต่างกัน โดยทั้งหมดจะยึดในหลักการแทรกแซงผลผลิตส่วนเกินมาเก็บไว้ที่คลัง ที่เราจะเรียกว่าแก้มลิง และเพิ่ม 2 แนวทางหลักในการเข้าแก้ปัญหา คือ แนวทางแรกนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้ เพื่อยืดอายุผลผลิต ไม่ให้เสื่อมมูลค่าและเสื่อมสภาพเร็ว พร้อมกับแนวทางสองคือ เพิ่มมูลค่าของผลผลิตโดยการแปรรูป และยืดอายุสินค้าให้เก็บรักษาได้นานขึ้น โดยสร้างสมดุลเป็นธรรมทางการค้า และตัดปัญหาพ่อค้ากดราคาผลผลิตเกษตร รวมถึงเชื่อมโยงผลผลิตและการตลาด
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาพันธมิตรเพื่อผลักดันแนวทางการดูแล ซึ่งเป็นการลงทุนเพิ่มในด้านแปรรูป ซึ่งตอนนี้ต้องเตรียมความพร้อมรับผลผลิตที่อยู่ในช่วงเริ่มเก็บเกี่ยว แต่ติดปัญหาแรงงานต่างด้าวเดินทางเข้าไม่ได้ ก็จะใช้วิธีการร่วมมือกันระหว่างสวนในการจัดเก็บ(ลงแขก) และเชื่อมโยงการแปรรูป แนะการขายล่วงหน้าเพราะเชื่อว่าผลกระทบจากโควิด-19 จะยาวถึงปีหน้า และนำระบบบาร์โค้ดมาเพิ่มความมั่นใจต่อกระบวนการผลิตจนถึงผู้บริโภค ที่จะสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ เป็นต้น
“ หลายเรื่องที่ต้องใช้งบลงทุน เมื่อบอร์ดอคส.เห็นชอบ ก็จะเสนอของบประมาณช่วยเหลือประสบภัยจากโควิด 4 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้โควิดกระทบเป็นวงกว้างทั้งกับเกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้อง หลายเรื่องเราต้องทำล่วงหน้าและทำแผนระยะยาว บางเรื่องต้องทำต่อเนื่องเป็นปี เช่น ลำไย ทำตอนนี้ผลผลิตแปรรูปก็จะมีโอกาสค้าจนถึงสารทจีน ปีหน้า หรือ มะพร้าว การปลูกในประเทศตามที่โรงผลิตอาหารแปรรูปยังไม่เพียงพอ และบางส่วนต้องนำเข้า ก็จะใช้วิธีเจรจาแลกเปลี่ยนการค้าระหว่างประเทศเข้ามาช่วย ผมเพิ่งเข้ามา ขอเวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เตรียมข้อมูลและแนวทางเสนอบอร์ดอคส. เมื่อบอร์ดผ่านเห็นชอบ จะเร่งดำเนินการตามระเบียบที่ให้ไว้ทันที เราอยากให้เป็นแผนงานที่ช่วยลดปัญหาผลผลิตล้น ราคาต่ำ และสร้างอาชีพเกษตรกรอย่างยั่งยืน ในระยะยาวประหยัดทั้งงบประมาณรัฐและเพิ่มมูลค่าสินค้าและเศรษฐกิจฐานราก “ นายเกรียงศักดิ์ กล่าว
