บทนำมติชน : จุดยืนของ‘สภา’
เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่รัฐสภาจะได้ทำหน้าที่เป็นเวทีอภิปรายบอกกล่าวปัญหา และถกเถียงหาหนทางออกจากวิกฤต การประชุมรัฐสภา ซึ่งเปิดประชุมสมัยวิสามัญเป็นพิเศษในวันที่ 26-27 ต.ค.นี้ โดยจัดสรร
เวลาให้แต่ละฝ่ายได้อภิปราย จึงเป็นที่สนใจของทุกฝ่ายในสังคม เพราะต้องการรับฟังว่า บรรดา ส.ส.และ ส.ว. รวมถึงคณะรัฐมนตรี จะนำเสนอหนทางแก้ปัญหาอย่างไร และรัฐบาลจะรับไปดำเนินการอย่างไรหรือไม่
พรรคฝ่ายค้านได้แสดงความห่วงใยว่า การประชุมรัฐสภาครั้งนี้ ถูกจับตามองว่าจะเป็นเวทีหาทางออกจากปัญหาวิกฤตชาติ หรือจะกลายเป็นเวทีเติมเชื้อไฟความขัดแย้ง เพราะหากรัฐบาลหรือ ส.ส.รัฐบาล ใช้โอกาสนี้กล่าวโจมตีการเคลื่อนไหวของนักเรียนนักศึกษาและประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย แทนที่จะพยายามหาหนทางไปสู่ข้อเรียกร้อง ซึ่งที่จริงเป็นประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย การเปิดสภาก็น่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่มากยิ่งขึ้น
รัฐบาลจากการเลือกตั้งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร ถูกโค่นล้มด้วยการรัฐประหารเมื่อเดือน พ.ค.2557 มีการฉีกรัฐธรรมนูญ ยกเลิกสภา พร้อมกับประกาศว่าจะต้องปฏิรูปการเมืองและปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง เป็นเวลาถึง 5 ปี ที่ประเทศไทยไม่มีสภาที่มาจากประชาชน มีแต่สภาแต่งตั้ง ระหว่างนั้นมีเสียงเรียกหาสภาที่มาจากการเลือกตั้งเพื่อเป็นปากเสียงให้ประชาชน จนกระทั่งเกิดการเลือกตั้งเมื่อเดือน มี.ค.2562
สมาชิกรัฐสภาจะต้องยอมรับว่า กว่ารัฐบาลทหารจะคืนอำนาจ ยอมให้มีสภาเลือกตั้ง นักศึกษา ประชาชนจำนวนหนึ่งได้เสียสละรวมตัวเรียกร้อง จนถูกดำเนินคดี ถูกควบคุมกักขัง เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดมี
สภาขึ้น สภาแห่งนี้ควรเป็นปากเสียงประชาชน พิทักษ์หลักการที่ทำให้ประชาชนมีสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย และยึดมั่นในหลักการนี้ในการประชุมรัฐสภา 26-27 ต.ค.นี้
