‘บอร์ด ก.ค.ศ.’ อนุมัติเกณฑ์ใหม่ย้ายผู้บริหารสถานศึกษา

‘บอร์ด ก.ค.ศ.’ อนุมัติเกณฑ์ใหม่ย้ายผู้บริหารสถานศึกษา พร้อมสั่งทบทวน ว13 หลังพบครูยื่นคำร้องกว่า 1,900 คน

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นายประวิต เอราวรรณ์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่าในการประชุม ก.ค.ศ. ที่มีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานเมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ แนวทางการย้ายผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด ศธ. ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ.0206.4/ว6 ลงวันที่ 22 เมษายน 2563 ตามที่ สพฐ.ขอให้ ก.ค.ศ.กำหนดแนวทางแก้ปัญหาการพิจารณาการย้ายผู้อำนวยการสถานศึกษา กรณีที่มีตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาในสถานศึกษาขานดใหญ่หรือขนาดใหญ่พิเศษว่างหลังจากย้ายครั้งแรก และไม่มีผู้อำนวยการสถานศึกษาในสถานศึกษาขนาดใกล้เคียง ยื่นคำร้องขอย้ายเข้ามา ซึ่ง ก.ค.ศ.เห็นว่ากรณีดังกล่าวหลักเกณฑ์และวิธีการย้าย กรณีปกติ ไม่ได้กำหนดให้มีการย้ายข้ามขนาดสถานศึกษาเกินกว่า 1 ขนาดที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่ได้ จึงต้องนำตำแหน่งว่างหลังจากการย้ายไปดำเนินการของวิธีการย้ายกรณีปกติ โดยนำไปใช้บรรจุและแต่งตั้งจากบัญชีผู้ได้รับคัดเลือก ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาที่ต้องการให้ผู้บริหารสถานศึกษาได้มีการสั่งสมประสบการณ์เป็นลำดับ

นายประวิต กล่าวต่อว่า ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของราชการ ที่ประชุม ก.ค.ศ.มีมติให้ ดำเนินการ ดังนี้ 1. ให้ กศจ. พิจารณากำหนดสัดส่วนของตำแหน่งว่างที่เกิดขึ้นภายหลังจากการย้ายครั้งแรก เช่น ตำแหน่งว่างที่เกิดจากการเสียชีวิต ลาออก หรือ ย้ายไปจังหวัดอื่น เป็นต้น แล้วนำมารวมกับตำแหน่งว่างที่เป็นสัดส่วนการย้ายที่เหลือจากการพิจารณาย้ายครั้งแรกมาประกาศ 2. ประกาศตำแหน่งว่างทันทีให้ทราบโดยทั่วกัน เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน 3. ให้ผู้ประสงค์ขอย้ายที่ยื่นคำร้องขอย้ายประจำปีไว้ แต่มิได้ระบุชื่อสถานศึกษาที่ว่างภายหลังไว้ ให้ยื่นความประสงค์ขอย้ายไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาดังกล่าวได้ รวมทั้งผู้ที่มิได้ยื่นคำร้องขอย้ายไว้เดิม หากประสงค์จะขอย้ายไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาที่มีตำแหน่งว่างและสถานศึกษาที่ไม่มีตำแหน่งว่าง ก็ให้ยื่นคำร้องขอย้ายเพิ่มเติมได้ โดยคำร้องขอย้ายเพิ่มเติมใดไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติให้ย้าย คำร้องขอย้ายดังกล่าวเป็นอันยกเลิก และ4. ให้ดำเนินการย้ายเช่นเดียวกับวิธีการย้ายกรณีปกติ ทั้งนี้ การพิจารณาย้ายให้พิจารณาตามสัดส่วนการย้าย ตามที่คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) กำหนดไว้

“ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการดำเนินการขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. กรณีไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ว13/2556 ประจำปี 2559 เนื่องจาก ก.ค.ศ. ได้เปิดให้ผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน ให้สามารถขอทบทวนในกรณีที่เห็นว่าการพิจารณาของ ก.ค.ศ. คลาดเคลื่อนจากเอกสารหลักฐานที่เสนอไว้เดิม ภายในระยะเวลา 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ก.ค.ศ.แจ้งให้ส่วนราชการทราบ ซึ่งมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้ายื่นคำขอทบวนมติดังกล่าวจำนวน 1,933 คน รวมถึงมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวนหนึ่งยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองด้วย เห็นว่าแม้ว่าคำพิพากษาของศาลปกครองจะมีผลเฉพาะกับผู้ฟ้องคดี แต่ก็ควรนำคำพิพากษาของศาลปกครองมาเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทั้งผู้ที่ยื่นคำขอทบทวน แต่ไม่ได้ฟ้องคดีปกครอง และผู้ที่ไม่ได้ยื่นคำขอทบทวน ซึ่งถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย ดังนั้น ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการพิจารณาคำขอทบทวน เฉพาะบางกรณีที่ไม่มีประเด็นฟ้องคดีปกครอง ส่วนกรณีที่มีการฟ้องคดีปกครองให้ชะลอการดำเนินการไว้ก่อน จนกว่าจะมีคำพิพากษาศาลปกครอง” นายประวิต กล่าว

นายประวิตกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุม อนุมัติการย้ายและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะเดิม ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งใหม่ จำนวน 52 ราย พร้อมกับมีมติ อนุมัติการย้ายและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ในสังกัดสพป.และสพม. ให้ดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะเดิม ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งเดิม และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งใหม่ จำนวน 102 ราย

Advertisement

“ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้บรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ได้รับการคัดเลือกและผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้งฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สพท. จำนวน 76 ราย แยกเป็น สพป.จำนวน 63 ราย และสพม. จำนวน 13 ราย และมีมติ อนุมัติให้บรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ได้รับการคัดเลือกและผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้งฯ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 209 ราย แยกเป็น สพป. จำนวน 163 ราย และสพม. จำนวน 46 ราย “นายประวิต กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image