ปี63ต่างชาติหอบเงินลงทุนไทยกว่า1หมื่นล. ญี่ปุ่นนำโด่ง ธุรกิจออนไลน์ดาวรุ่งปีนี้

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปี 2563 ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ประสบปัญหาวิกฤตร่วมกันจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายภาคส่วนยุติลงชั่วคราว รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจต่างๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยหันมาลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และสอดรับกับการใช้ชีวิตยุคนิวนอร์มอลมากขึ้น และยังมีการเข้าลงทุนจากต่างชาติต่อเนื่อง ซึ่งปี2563 ไทยมีนักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 รวม 252 ราย โดยประเทศญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนสูงสุด 92 ราย รองลงมา คือ สิงคโปร์ 38 ราย อันดับ 3 คือ เนเธอร์แลนด์และฮ่องกง ประเทศละ 17 ราย อันดับ 4 คือ เกาหลีใต้ 10 ราย และอื่นๆ 78 ราย

สำหรับประเภทธุรกิจที่นักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนมากที่สุด คือ ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือในกลุ่ม เช่น บริการทางบัญชี บริการให้เช่าพื้นที่และสาธารณูปโภค รับจ้างผลิตสินค้า เป็นต้น มีจำนวนเงินลงทุน 4,279 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% รองลงมา คือ ธุรกิจนายหน้า/ค้าปลีก/ค้าส่ง เช่น นายหน้าประกันชีวิตประกันวินาศภัย ค้าปลีกเครื่องจักร เครื่องกล อะไหล่ และอุปกรณ์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรม ค้าส่งเคมีภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ลงทุน 994 ล้านบาท อันดับ 3 ธุรกิจบริการอื่น เช่น บริการด้านคอมพิวเตอร์ บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการให้คำปรึกษาแนะนำ บริการทางการเงิน ลงทุน 456 ล้านบาท

นายวีรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ธุรกิจบริการที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนและมีมูลค่าการลงทุนสูง จะเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศ เช่น บริการทางวิศวกรรมที่เกี่ยวกับระบบควบคุมอัตโนมัติของโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ บริการเป็นที่ปรึกษาเพื่อควบคุมการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา (อีอีซี) บริการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยของอาคารเทียบเครื่องบิน บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้ง เครื่องมืออุปกรณ์สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนเป็นต้น รวมถึง เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (S-Curve) อย่างอุตสาหกรรมดิจิทัลที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต เช่น บริการออกแบบ ติดตั้ง วางระบบแพร่ภาพและกระจายเสียงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อสินค้าและบริการของผู้ประกอบการกับผู้บริโภค บริการออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ เป็นต้น

นายวีรศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยของนักลงทุนชาวต่างชาติ ทำให้เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 11,000 คน รวมถึง มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน ทั้งนี้ การลงทุนของชาวต่างชาติในประเทศไทยภายใต้ พ.ร.บ.ต่างด้าว ปี 2563 นักลงทุน 252 ราย เพิ่มขึ้น 16.13% และมีการจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 6,162 ราย เพิ่มขึ้น 127% มั่นใจปี2564 ชาวต่างชาติยังคงเดินทางเข้ามาลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายและเศรษฐกิจที่ผันผวนทั่วโลก

Advertisement

โดยธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนและคาดว่าจะเติบโตสอดคล้องกับความต้องการของตลาดและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคยุคนิวมอร์มอล อาทิ ธุรกิจบริหารจัดการคลังสินค้า ธุรกิจพัฒนาเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น ธุรกิจบริการสั่งสินค้าออนไลน์ ธุรกิจบริการรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image