ดีเอสไอรับมอบสำนวนสอบสวน ตัวผู้ต้องหา คดีทุจริต สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ

ดีเอสไอรับมอบสำนวนสอบสวน ตัวผู้ต้องหา คดีทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ

จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่อง การทุจริตของอดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด เพื่อดำเนินการกับบุคคลที่กระทำความผิดในสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ เป็นคดีพิเศษ 21/2564 รวมมูลค่าทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดประมาณ 2,285 ล้านบาท เป็นคดีพิเศษ

เมื่อเวลา 13.30 วันที่ 24 ก.พ. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มอบหมายให้ พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รองผู้บังคับการตำรวจรถไฟ ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาฟอกเงิน (คดีอาญาที่ 41/2563) พร้อมทั้งตัวผู้ต้องหา คือ นายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก รวม 9 คน ให้ดีเอสไอดำเนินการตามมาตรากฎหมายคดีพิเศษ

พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรรมสอบสวนคดีพิเศษ  เปิดเผยว่าได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองอธิบดีที่กำกับดูแล สั่งการให้ นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา และนายพงษ์ธวัช อ่วมสำอางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีฟอกเงิน 3 พร้อมคณะประสานการปฏิบัติ

Advertisement

พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ดีเอสไอจะได้ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดำเนินการยึด หรืออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และขอให้พนักงานอัยการ มีคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคืน หรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ตลอดจนสมาชิกสหกรณ์จำนวนกว่า 6,000 ราย และสหกรณ์พันธมิตรอีก 15 แห่ง

ทั้งนี้ เพื่อเยียวยาและให้สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟสามารถบริหารจัดการต่อไปได้ โดยจะดำเนินการเชิงบูรณาการ ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ส่งผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติ และได้ทรัพย์สินคืนให้ผู้เสียหายโดยเร็ว ทั้งยังจะขยายผลไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผลประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งถือเป็นดอกผลที่สามารถดำเนินการกับทรัพย์สินได้ในอีกทางหนึ่ง

Advertisement

อันเป็นการสนองตอบต่อปัญหาการทุจริต และนำทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน คืนให้กับผู้เสียหาย กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จะเร่งรัดติดตามบุคคลและทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง มาดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 อย่างเด็ดขาดต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image