ที่เห็นและเป็นไป : ยังลอยหน้า ‘สนุก’

ที่เห็นและเป็นไป : ยังลอยหน้า ‘สนุก’

ถึงวันนี้ความตื่นตระหนกกับ “โควิด-19” อย่างรุนแรงทั่วทุกมุมโลกคลี่คลายลงแล้ว

ไม่ว่า “ยุโรป-อเมริกา-แอฟริกา” และหลายประเทศในเอเชียที่ก่อนหน้านั้นเกิดการวิตกกังวลกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว อัตราผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจนทำให้ใจหาย วันนี้ความตื่นกลัวเช่นนี้แทบไม่เป็นข่าวให้เห็นอีกแล้ว

เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลัง “วัคซีน” ถูกแจกจ่ายไปให้ฉีดป้องกัน หรือบรรเทาการเจ็บป่วยทั่วโลก

รัฐบาลของทุกประเทศระดมฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วให้ประชาชนทั่วถึง หรืออย่างน้อยเพียงพอที่จะหยุดยั้งการระบาดได้

Advertisement

“วัคซีน” ให้ความหวังเรื่องการเชื่อมต่อสัมพันธ์ไปมาหาสู่ ทำกิจกรรมร่วมกันของประชาชนในประเทศ และพลโลกเริ่มที่จะกลับคืนสู่ความปกติได้

ทุกประเทศเริ่มมีความหวังว่าระบบเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก จนกระทบต่อปัญหาปากท้องของประชาชนไปทั่วก่อนหน้านั้น ฟื้นคืนมาพอให้เดินหน้าร่วมกันต่อไปได้

“วัคซีน” นำความหวังนั้นมาให้ทุกประเทศร่าเริง และทุ่มทุนที่จะให้ความเชื่อมั่นของประเทศฟื้นคืน ด้วยการทำให้เป็นประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด หรือป้องกันได้แล้วด้วยการฉีดวัคซีนที่ทั่วถึง กระจายกว้าง และมากพอ

Advertisement

แต่ประเทศไทยเรากลับไม่เป็นเช่นนั้น

วิธีคิดในการบริหารจัดการของรัฐบาล ให้การจัดหาวัคซีนมาฉีดเพื่อคุ้มครองประชาชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจ มีปัญหาให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด

ไม่ใช่ไม่รู้ว่าวัคซีนมีความสำคัญต่อการฟื้นฟูประเทศ เพราะความรู้ความเข้าใจเรื่องการบริหารผ่านวิกฤตกรณีโควิดว่าจะต้องทำอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับของประเทศไหนที่ต้องเก็บไว้ใช้เพื่อให้เกิดความได้เปรียบประเทศอื่น แต่วิธีการที่จะฟื้นฟูด้วยการสร้างความเชื่อมั่นนี้ได้รับการเผยแพร่ให้รับรู้กันทั่วทั้งโลก ว่าผู้บริหารประเทศทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ

แต่กลับกลายเป็นว่า “ประเทศไทยเรา” ไม่เป็นอย่างนั้น

ในวันที่ประเทศต่างๆ ฉีดวัคซีนให้ประชาชนกันคึกคักกว้างขวางเพื่อร่วมฟื้นฟูประเทศกับความเป็นไปของโลก ประเทศไทยเรายังจมอยู่กับปัญหามากมายที่เกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนเพื่อมาช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นกับประเทศไปพร้อมกับโลก

เป็นเรื่องที่มีเหตุผลยอมรับได้อยู่ที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และคณะรัฐมนตรี ซึ่งนัดฉีดวัคซีนแล้วเลื่อนออกไปกะทันหัน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเพราะข่าวความไม่ปลอดภัยของวัคซีนยี่ห้อที่จะฉีด เนื่องจากเกิดผลข้างเคียงที่ไม่น่าพอใจกับผู้ฉีดในหลายประเทศ

ความปลอดภัยของผู้นำประเทศ ย่อมสำคัญกับภารกิจสร้างความน่าเชื่อถือให้กับวัคซีนยี่ห้อนั้น

การตัดสินใจยังไม่ฉีดนั้นถูก แต่การไม่มีวัคซีนที่ปลอดภัยมาสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศนั้น ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการบริหารประเทศที่ผิดพลาด

เป็นความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น เพื่อเปรียบเทียบกับการทำงานของรัฐบาลประเทศต่างๆ ในโลกนี้

ความซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ก่อให้เกิดความวุ่นวายสับสน เอาชีวิตและอนาคตของประเทศไปฝากไว้กับการบริหารจัดการที่มั่วซั่ว

แทนที่ภาพลักษณ์ไทยเราจะปรากฏต่อความรู้สึกนึกคิดของประชาคมโลกว่าเป็นประเทศที่มีความพร้อม ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโควิด ด้วยสามารถจัดการฉีดวัคซีนได้ทั่วถึง กว้างขวางเพียงพอเหมือนประเทศอื่น แม้แต่เพื่อนบ้านใกล้ชิดอย่าง ลาว เขมร

กลับกลายเป็นว่า ข่าวที่แพร่ไปทั่วโลกเป็นเรื่อง “นายกรัฐมนตรี” เล่นหยอกล้อนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลด้วยการ “ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อใส่หน้า” อย่างสนุกสนาน เหมือนเห็น “เนื้อหน้านักข่าวเป็นที่เพาะเชื้อโรค” จนทำให้หลายคนต้องออกมาเตือนทำนอง “อย่าเล่นเป็นเด็ก” ที่ไม่รู้ว่า “แอลกอฮอล์” อันตรายต่อเนื้อเยื่อในตามนุษย์

โลกเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมีความหวังจาก “ผลของวัคซีน”

ขณะประชาชนประเทศไทยเรากำลังชะเง้อตาคอย ว่าจะเกิดความหวังแบบนั้นได้บ้างเมื่อไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image