วิเคราะห์ : โควิด เขย่า รัฐบาล ท้าพิสูจน์ฝีมือ‘บิ๊กตู่’ สกัด‘การเมือง’ติดเชื้อ

โควิด เขย่า รัฐบาล ท้าพิสูจน์ฝีมือ‘บิ๊กตู่’ สกัด‘การเมือง’ติดเชื้อ

16 เมษายน นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

วันที่ 16 เมษายน ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,582 รายซึ่งสูงกว่าวันที่ 15 เมษายน เป็นตัวเลขที่สูงต่อเนื่อง โดยเกิน 1,500 ราย ติดต่อกัน 2 วันแล้ว

ผู้ป่วยรายใหม่ แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 921 ราย จากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 656 ราย ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 5 ราย

Advertisement

ทั้งนี้ การระบาดระลอกใหม่เดือนเมษายน 2564 ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 10,461 ราย ยังรักษาที่โรงพยาบาล (รพ.) 9,884 ราย รพ.สนาม 577 ราย อาการหนักใส่ท่อช่วยหายใจ 16 ราย
และผู้เสียชีวิตสะสม 3 ราย ล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดของไทย รวม 39,038 ราย เสียชีวิตสะสม 97 ราย

และเมื่อย้อนกลับไปพบว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ยังมีแค่หลักสิบ พอถึงวันที่ 5 เมษายน ตัวเลขพุ่งเป็นหลักร้อย

และก้าวกระโดดสู่หลักพันเมื่อวันที่ 14 เมษายน

Advertisement

จาก 1,335 ราย เมื่อวันที่ 14 เมษายน แล้วพบอีก 1,543 ราย ในวันที่ 15 เมษายน

กระทั่งวันที่ 16 เมษายน ตัวเลขยังพุ่งไม่หยุด

ผู้ติดเชื้อรายใหม่มีจำนวน 1,582 คน

ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดความกลัวขึ้นในหมู่คนไทย

ประการแรก คือ กลัวว่าตัวเองจะติดเชื้อ และกลายเป็นพาหะนำเชื้อไปติดคนอื่นๆ ต่อไป ทำให้คนไทยแห่กันไปตรวจเชื้อกันมากจนโรงพยาบาลเริ่มรับมือไม่ไหว

สิ่งที่ตามมาหลังจากการตรวจเชื้อ คือพบว่ามีผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นคำถามว่าเตียงของโรงพยาบาลเพียงพอหรือไม่ กระทั่งมีการตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้นทั่วประเทศ

ประการที่สอง คือ กลัวจะประสบปัญหาเรื่องรายได้ เพราะการล็อกดาวน์เมื่อครั้งแรกได้ทำให้คนไทยหลายครอบครัวหวาดวิตกกับปัญหารายได้ ธุรกิจหลายแห่งยังไม่ฟื้นตัว หนี้สินเก่ายังไม่สามารถสะสาง เกรงกันว่าหนี้สินใหม่จะเกิดซ้ำ

ความหวั่นวิตกทั้งติดเชื้อ และติดหนี้ กลายเป็นประเด็นสำคัญของคนไทยในสถานการณ์การระบาดรอบใหม่

ขณะที่ประชาชนคนไทยกำลังตกอยู่ในอาการหวาดกลัว ในห้วงเวลาที่หยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ มีคนสอบถามหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ในห้วงที่ประเทศกลับสู่สถานการณ์วิกฤตอีกครั้ง

นายกฯหายไปไหน?

ไม่เพียงแค่กระแสเสียงของสังคมที่ถามหานายกรัฐมนตรี ดูเหมือนทุกภาคส่วนในประเทศก็ต้องการนายกรัฐมนตรีในห้วงเวลานี้

หมอ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ต้องการผู้นำที่จะเข้ามาเคลียร์ปัญหาเรื่องกำลังพล และสถานที่ที่จะรักษาคนไข้

ภาคเอกชน ต้องการหารือกับผู้นำเพื่อแสดงความคิดเห็นในเรื่องการบริหารจัดการประเทศสถานการณ์วิกฤตเพราะเกรงว่าเศรษฐกิจไทยจะประสบปัญหา

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 เมษายน ตน คณะกรรมการหอการค้าไทย จะประชุมระบบทางไกลกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กับ 40 บริษัทใหญ่ของไทย เพื่อหารือถึงสถานการณ์การระบาดรอบใหม่ ผลกระทบของภาคธุรกิจ และรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ

นายสนั่นบอกว่า ต้องการให้ภาคเอกชนรับรู้สถานการณ์และแนวคิดที่จะทำอย่างไรที่จะช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก ร่วมมือลดปัญหาจากโควิด และฟื้นฟูเศรษฐกิจ

สถานการณ์การระบาดรอบใหม่ รวดเร็วและรุนแรงขึ้น แม้จะยังไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์ แต่ก็เสมือนเป็นการล็อกดาวน์ธุรกิจกันเอง เพราะธุรกิจต้องการป้องกันการแพร่ระบาด ย่อมมีผลกระทบต่อการทำธุรกิจ รายได้ แบกภาระค่าใช้จ่าย ค่าจ้าง แต่รายได้ไม่เท่าเดิม นานวันจะลำบาก

ผลการหารือและข้อเสนอแนะจากซีอีโอจะส่งถึงนายกรัฐมนตรี ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด

หากไม่เร่งดำเนินการ อาจกระทบต่อเป้าหมายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่กรกฎาคมนี้

ภาคเอกชนก็ต้องการให้รัฐบาลรับรู้สถานการณ์ และให้ความช่วยเหลือ

เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีคือบุคคลสำคัญ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ประเทศไทยสั่งจองและซื้อแล้ว 2 ยี่ห้อ คือ ซิโนแวค และแอสตร้าเซนนิก้าขณะเดียวกันได้ให้การรับรองยี่ห้อจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน อีกยี่ห้อหนึ่ง

การฉีดวัคซีนนั้นยังเป็นไปตามแผนของรัฐบาลที่เริ่มต้นเข็มแรกในเดือนกุมภาพันธ์

ตามแผนการกระจายวัคซีน แบ่งเป็น 2 ระยะ

ระยะที่ 1 มีนาคม-พฤษภาคม 2564 จำนวน 2 ล้านโดส ของบริษัทซิโนแวค โดยฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดที่มีความเสี่ยงก่อน

ระยะที่ 2 มิถุนายน-ธันวาคม 2564 จำนวน 61 ล้านโดส เป็นวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายในทุกจังหวัด

แบ่งเป็น 2 ช่วง คือช่วงแรก วัคซีนจำนวน 26 ล้านโดส กระจายในเดือนมิถุนายน 6 ล้านโดส กรกฎาคม 10 ล้านโดส และสิงหาคม 10 ล้านโดส ส่วนอีกช่วงหนึ่ง วัคซีนจำนวน 35 ล้านโดส กระจายในเดือนกันยายน 10 ล้านโดส, ตุลาคม 10 ล้านโดส พฤศจิกายน 10 ล้านโดส และธันวาคม 5 ล้านโดส

แต่นั่นคือแผนงานในสถานการณ์ที่ประเทศมีผู้ติดเชื้อหลักสิบ

ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเป็นหลักพันแล้ว

คำถามเกี่ยวกับแผนการฉีดวัคซีนจึงดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง การบริหารจัดการจำเป็นต้องแสดงความชัดแจ้งอีกครั้ง เรื่องนี้ผู้นำมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ

รัฐบาลในฐานะคณะทำงานของนายกรัฐมนตรีก็มีความสำคัญ

แต่ที่สำคัญกว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ก็คือความเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล

อาการของสังคมที่เกิดความสงสัยจำนวนมาก ความหวั่นไหวต่อการเตรียมการรับมือสถานการณ์โรคโควิด-19 การเคลื่อนไหวของภาคเอกชน ข้อเสนอแนะจากนักวิชาการ อีกทั้งข้อเรียกร้องจากนักการเมืองที่เกี่ยวกับโควิด-19

ทุกอย่างสามารถสะท้อนความเชื่อมั่นที่สังคมมีต่อนายกรัฐมนตรีได้เป็นอย่างดี

คำถามที่ว่านายกรัฐมนตรีอยู่ไหนก็เป็นเครื่องชี้วัดเป็นอย่างดี

ไปๆ มาๆ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เปราะบางอีกครั้ง

สถานการณ์โควิด-19 เคยเป็นสถานการณ์ที่รัฐบาลนำมาเป็นผลงานเพราะสามารถป้องกันการระบาดได้ แม้ว่าพรรคฝ่ายค้านจะนำข้อมูลมาตีแผ่ว่า ชัยชนะครั้งนั้นต้องแลกกับปัญหาทางเศรษฐกิจและความยากไร้ของประชาชน

แต่การขับเคลื่อนประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลสามารถสร้างความหวังให้คนไทยได้

หลายคนยังมีความเชื่อมั่นในการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์

วิกฤตครั้งนี้ก็เช่นกัน หาก พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลยังสามารถสร้างความเชื่อ ทำให้สังคมพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเหมือนก่อน

พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล จะว่าอย่างไร สังคมก็คล้อยตาม

หากเป็นเช่นนั้น การบริหารจัดการของ พล.อ.ประยุทธ์ย่อมมีประสิทธิภาพ

แต่ถ้าสังคมเริ่มไม่เชื่อมั่น ขาดศรัทธาต่อผู้นำ พล.อ.ประยุทธ์ย่อมบริหารจัดการได้ยากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการภายในคณะรัฐมนตรี บริหารจัดการพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล การตอบโต้พรรคการเมืองฝ่ายค้าน การตอบสนองต่อภาคเอกชน

และที่สำคัญคือการตอบสนองความต้องการของประชาชน

ห้วงระยะเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องแสดงฝีมือ ไม่ทำให้ประชาชนผิดหวังในการบริหารราชการแผ่นดิน

เพราะการผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธา

ความเชื่อมั่นศรัทธาจะนำไปสู่เสถียรภาพของรัฐบาล

วิกฤตโควิดระลอกใหม่นี้จึงไม่ธรรมดา

เพราะอาจลุกลามทำให้รัฐบาลติดเชื้อ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image