ยอดใช้สิทธิเอฟทีเอ-จีเอสพีดีขึ้นต่อเนื่อง นอร์เวย์ใช้เต็ม100% ถุงมือ-อาหารโดดเด่น

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ช่วง 2 เดือนแรกปี 2564 มีมูลค่าการใช้สิทธิ 10,504.50 ล้านเหรียญสหรัฐ และขยายตัว 5.77% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 69.76% แบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้เอฟทีเอ 9,948.70 ล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้จีเอสพี 555.80 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้เอฟทีเอ ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 4.86 % มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 70.14 % ตลาดส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน มูลค่า 3,607.55 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วย จีน มูลค่า 2,868.49 ล้านเหรียญสหรัฐ ออสเตรเลีย มูลค่า 1,222.96 ล้านเหรียญสหรัฐ ญี่ปุ่น มูลค่า 1,013.45 ล้านเหรียญสหรัฐ และ อินเดีย มูลค่า 718.76 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับกรอบความตกลงการค้าเสรีที่มีอัตราการใช้สิทธิ-ประโยชน์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน–จีน 82.97% อาเซียน – เกาหลี 81.68 % ไทย– เปรู 79.39 % ไทย–ชิลี 78.02% และไทย – ญี่ปุ่น 74.87 %

การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้จีเอสพี ทั้ง 4 ระบบ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ 2 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 25.30% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ63.60 % ตลาดส่งออกมีมูลค่าการใช้สิทธิมากสุด คือ สหรัฐ มีมูลค่า 493.29 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 35.14% และมีสัดส่วนการใช้สิทธิ 66.79% อันดับสอง คือ สวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่า 37.80 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 23.16% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ36.94%อันดับสาม คือ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช 19.79 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง20.18 % และมีสัดส่วนการใช้สิทธิ 67.62%

” ที่น่าจับตา คือ นอร์เวย์ 4.93 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น7.41% และมีสัดส่วนการใช้สิทธิ 100% สำหรับสินค้าใช้สิทธิสูง อาทิ ถุงมือยาง ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ อาหารปรุงแต่ง สับปะรดกระป๋อง ผลไม้ปรุงแต่ง ของผสมของสารที่มีกลิ่นหอมที่ใช้ในการผลิตอาหารหรือเครื่องดื่ม ”

Advertisement

นายกีรติ กล่าว ภาพรวมการใช้สิทธิ2 เดือนแรก พบว่า อาเซียน – จีน เพิ่มขึ้น 29.78% และอาเซียน – อินเดีย เพิ่มขึ้น9.66% บางตลาดเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังจากหดตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ได้แก่ ไทย – ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 7.81% และไทย – เปรู เพิ่มขึ้น86.04% ส่วนตลาดอื่นๆ แม้ว่าการใช้สิทธิฯ ลดลง แต่พบว่าเป็นการปรับฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อน โดยมีการหดตัวน้อยลง ได้แก่ อาเซียน – เกาหลี ลดลง 2.77% และอาเซียน – ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์ ลดลง 1.16%

สำหรับสินค้าที่มีการใช้สิทธิขยายตัว และมีมูลค่าการใช้สิทธิสูงภายใต้เอฟทีเอ อาทิ ลำไย เงาะ ลางสาด อาหารปรุงแต่ง น้ำมันปิโตรเลียมและน้ำมันจากแร่บิทูมินัส เครื่องดื่มประเภทนมที่ไม่เติมแก๊ส เครื่องซักผ้า ยางนอกที่ใช้กับรถยนต์นั่ง เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณทำด้วยเงิน ลวดทองแดง เศษของเหล็กกล้าที่ไม่เป็นสนิม กุ้ง ปลาแมคเคอเรล ถุงมือใช้ทางศัลยกรรม ด้ายทำด้วยเส้นใยสังเคราะห์ เครื่องปรับอากาศติดผนัง เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image